การถ่ายภาพอาหารจากแสงธรรมชาติ ให้ออกมาสวยดูดี

หลายๆ คนอาจจะคิดว่า การถ่ายภาพอาหารจากแสงธรรมชาติ ให้ออกมาสวยดูดีและน่ารับประทานนั้นต้องถ่าย ด้วยไฟสตูดิโอเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้ว แสง ที่มาจากทางหน้าต่างจากธรรมชาติ หรือ แสงตาม ระเบียงบ้านก็เป็นแหล่งที่ให้แสงสว่างที่ใช้ในการ ถ่ายภาพมากเช่นกัน

แสงที่เหมาะที่จะใช้ควา เป็นแสงแบบ Indirect Sunlight ที่สองมา จากด้านตรงข้ามกับอาหารที่จะถ่าย อาจใช้ กระดาษขาวหรือแผ่นรีเฟล็คเตอร์ มาช่วย สะท้อนแสงเปิดเงาด้านมืดก็ได้ จะทำให้ภาพ ออกมาดีขึ้นมาก คล้ายๆ กับการถ่ายด้วยการจัด ไฟในสตูดิโอกันเลยทีเดียว

การถ่ายภาพอาหารจากแสงธรรมชาติ เพื่อนำไปใช้ในเชิงธุรกิจ เช่นประกอบเมนูอาหาร หรือ Cooking Book นั้น จะต้องมีความพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียด มีการเตรียมการที่ดี ถ้ามีพื้นฐานเบื้องต้นในเชิง ศิลปะเข้ามาช่วยก็ง่ายต่อการจัดแต่งอาหารตามที่เราจินตนาการ ข้อควรปฏิบัติแบบคร่าวๆ ก็มีดังนี้

1. เลือกภาชนะที่เหมาะสมกับอาหาร อย่างเช่น ภาชนะที่จะนำมาใส่ปลาทั้งตัวจะต้องมีทรงยาวให้ พอดีกับความยาวของตัวปลา ถ้านภาชนะที่ใช้แล้วมาใช้ในการถ่ายภาพ ก็ไม่ควรมีรอยขูดขีดแตก ร้าวหรือคราบรอยต่างๆ และควรจะใช้สีที่เหมาะสม ถ้าไม่แน่ใจให้เลือกสีขาว หรือสีอ่อนๆ เป็นหลัก

2. วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการปรุงอาหารต้องสดใหม่ พืชผักต้องไม่เหี่ยวเฉา หรือมีรอยกัดแทะของแมลง

3. วัสดุประกอบฉาก ควรจะให้มีความสอดคล้องกับอาหารที่ถ่าย อย่างเช่น ถ่ายน้ำซุป ก็ไม่ควรน่าซ้อมหรือตะเกียบมาเป็นองค์ประกอบ เป็นต้น กาวน่าผักสดมาวางประกอบไม่ถือว่าน่าเกลียด แต่ ไม่ควรเอาเนื้อสัตว์ดิบมาวางประกอบ

4. วัสดุหรือที่รองจาน ถ้าเป็นผ้าจะต้องไม่มีรอยยับ หากใช้ใบตองก็ควรเช็ดให้สะอาด

5. สถานที่ในการจัดเพื่อถ่ายรูป เนื่องจากเป็นการถ่ายด้วยแสงธรรมชาติ จึงต้องเลือกที่ๆ มีแสงส่อง สว่าง เช่น หน้าต่างบานใหญ่ หรือระเบียงบ้าน ทั้งนี้ควรเลือกที่ใกล้ๆ กับที่เตรียมอาหาร เพื่อความ สะดวกและรวดเร็ว ควรเลือกให้แสงส่องท่ามุมมาจากทางตรงกันข้ามหรือเยื้องๆ กับคนถ่ายเพื่อที่ จะทําให้ภาพที่ได้มีมิติ ไม่เรียบแบน แต่ต้องหากระดาษสีขาว หรือแผ่น Reflector มาช่วยเพื่อ เปิดเงาในส่วนที่เกิดเงามืดด้วย

6. กล้องที่ใช้ก็ใช้ได้ทุกชนิด ถ้าเป็นกล้อง Compact ก็ให้ปรับไปที่โหมด Macro และปิดไฟแฟลช เพราะไฟแฟลชจากตัวกล้องจะทำให้อาหารดูเรียบแบน ถ้าเป็น DSLR ก็ใช้เลนส์ที่เปิดช่องรับแสงได้ กว้างๆ เพราะการถ่ายอาหารส่วนใหญ่ไม่ต้องการความชัดลึก ปรับ White Balance ให้ถูกกับชนิด ของอาหาร เช่น อาหารร้อนควรใช้ Warm Tone หรืออาจจะแก้ White Balance ตอน โพสท์โปร เลขแทนก็ได้

7. ควรใช้ขาตั้งกล้องในการถ่าย เพราะไม่เพียงเพื่อความคมชัดเท่านั้น ยังช่วยในการจัดมุมมองไว้ล่วง หน้าก่อนนําอาหารมาตั้งเพื่อความรวดเร็ว

8. ควรใช้ฟิลเตอร์ CPL ในการถ่ายอาหารที่เป็นน้ำเพราะ CPL จะช่วยลดแสงสะท้อนที่เกิดขึ้นบนผิวน้ำ ถ้าเป็นแกงจืดนํ้าใสก็จะทำให้มองเห็นส่วนประกอบของแกงจืดใต้น้ำแกงชัดเจนขึ้น

9. มุมมองในการการถ่ายอาหาร ถ้าไม่รู้ว่าจะถ่ายมุมไหนดี ก็ให้ใช้หลักความเป็นจริงของคนทั่วไปที่นั่ง รับประทานอาหาร คือเป็นแบบมุมก้มประมาณ 45 องศาโดยประมาณ หรือถ้าต้องการมุมที่แปลกออก ไปก็แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของช่างภาพแต่ละคน มุมมององค์ประกอบในภาพควรใช้หลัก Rule of 3rd มาใช้ในจะทำให้ภาพดูน่าสนใจกว่าการวางไว้ตรงกลาง อาหารจานหลักต้องมีความโดดเด่นหรือใหญ่ กว่าจานประกอบฉาก

10. อาหารที่นำมาถ่ายหลักๆ ก็มีสองชนิด คือถ่ายอาหารที่ปรุงมาจริงรับประทานได้จริง และ ถ่ายแบบ จัดฉากหรือแค่ทําให้เหมือน หากเป็นแบบแรกเราควรจัดเตรียมสถานที่และมุมกล้องให้มีความพร้อมก่อน เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลา มิฉะนั้นของอาหารอาจเปลี่ยนไป เช่น อาหารร้อนที่มีผักเป็นส่วนประกอบ ของผักจะเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลือง ผักที่โรยหน้าตกแต่งไว้อาจเหี่ยวเฉาไม่น่ารับประทาน

แต่หากเป็นการ ถ่ายแบบจัดฉากหรือการจัดแต่งให้ดูเหมือนผ่านการปรุงมาแล้วนั้น ภาพถ่ายที่ได้ออกมาจะมีความสวยงาม ชวนน่ารับประทาน เพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่จะยังคงความสดใหม่ทั้งสภาพและสีสัน ไม่ต้องรีบเร่งในการ ถ่ายทํา แต่ชนิดนี้ควรจะมีความรู้ในการจัดแต่งอาหารเองหรือไม่ก็ต้องจ้าง Food Stylist มาจัดให้

11. การจัดวางอาหารลงบนภาชนะแบบคร่าวๆ ดังนี้จะต้องไม่ใส่มากเกิน ใส่แค่ดูพองาม ไม่หกเลอะตาม
ขอบของภาชนะ หรือ วัสดุประกอบฉากอื่นๆ อาหารที่ห่อไว้ด้วยใบตองหรือใบไม้อื่นๆ ควรแกะออก ให้เห็นด้านใน ปอเปี๊ยะสด ควรตัดให้เห็นสีสันและหน้าตาภายใน หากเป็นอาหารประเภท Salad หรือ ยา ควรจัดวางกองให้เป็นทรงสูง อาหารประเภทมีน้ำเช่นแกง ก็ควรให้ส่วนประกอบของเนื้อแดงสูงพัน น้ำแกง เนื้อย่างก็ควรตัดให้เห็นความสดของเนื้อและหันเข้าหาหน้ากล้อง หวังว่าจะเป็นประโยชน์สําหรับท่านที่กำลังสนใจในการถ่ายภาพอาหารบ้างนะครับ ขอบคุณครับ