ของขวัญ ทำไมนิยมให้ช่วงเทศกาล ไม่ว่าจะก้าวเข้าสู่เทศกาล หรือวันสำคัญไหนๆ “ของขวัญ” ก็คือสิ่งที่ทุกคนอยากมอบ หรือแบ่งปันให้กัน
เมื่อย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์ ผ่านพ้นเทศกาลคริสมาสต์ เทศกาลปีใหม่มาหมาดๆและคาบเกี่ยวอีกหลายๆเทศกาลอย่างตรุษจีนและวาเลนไทน์ ในช่วงระยะนี้ แน่นอนว่า ทุกๆบ้านย่อมต้องมีของขวัญ ของฝากที่ได้รับมาหรือเตรียมส่งมอบให้กับผู้อื่นติดบ้านไว้ แต่เราเคยมาสังเกตกันบ้างไหมว่า ส่วนใหญ่แล้ว เป็นอะไร และเขานิยมมอบอะไรให้เป็นของขวัญในช่วงเทศกาลกัน
Chocolate ของขวัญรสอร่อย

ขอเริ่มต้นด้วย ของขวัญสากลอย่าง ช็อกโกแลต และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากช็อกโกแลต ซึ่งในทุกประเทศนิยมมอบให้กันอย่างไม่จำกัดชนชั้น ไม่จำกัดเพศ และไม่จำกัดวัย เราจึงมักเห็นช็อกโกแลตชั้นดีในแพ็คเกจสีสวย ถูกจัดอย่างประณีต มีการผสมผสานวัตถุดิบอื่นเพิ่มความอร่อยและเป็นเอกลักษณ์ตามแต่ความชอบของบุคคล แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่า ช็อกโกแลตรสหวานที่อยู่ในบ้านคุณนั้น มีประวัติความเป็นมาอย่างไร
ช็อกโกแลตเป็นผลผลิตจากเมล็ดพืชที่ชื่อว่า คาเคา (cacao) หรือเมล็ดโกโก้ พบมากในป่าเขตร้อนชื้นทวีปอเมริกา ถูกค้นพบหลังสมัยของพระนางเจ้าคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ ซึ่งจากหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานว่าชนชาวมายาและชาวแอซเทคแห่งอารยะธรรมเมโสอเมริกาเป็นผู้ริเริ่มผลผลิต

จากคาเคามาทำเป็นเครื่องดื่มและประกอบพิธีของชนเผ่า ใช้เป็นเครื่องสักการะเทพเจ้า เป็นเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์ จึงมีดื่มกันในระดับเชื้อพระวงศ์ ผู้ปกครองระดับสูงและพ่อค้าที่มีฐานะเท่านั้น และมีหลักฐานการซื้อขายเมล็ดโกโก้ระหว่างชาวมายาและชาวแอซเทค แต่ในสมัยนั้นยังนิยมดื่มกันแบบสดๆ ไม่ได้ปรุงแต่งใดๆ จึงมีรสชาติเฝื่อนและขม
ต่อมาเมื่อชาวสเปนรบชนะชาวแอซเทค นายทหารสเปนจึงนำเมล็ดโกโก้กลับไปยังยุโรป ชาวยุโรปได้มีการดัดแปลง ต้มโกโก้ เติมน้ำตาล เติมชินนามอนหรือเครื่องเทศน์อื่นๆลงไป ทำให้ช็อกโกแลตมีรสชาติอร่อยมากขึ้น และช็อกโกแลตนี้ก็แพร่หลายในยุโรปอย่างรวดเร็ว และมีการคิดค้นทำออกมาในหลายรูปแบบ ซึ่งในบางประเทศอย่างฝรั่งเศสและออสเตรีย ช็อกโกแลตเป็นสินค้าผูกขาด ซื้อหามาบริโภคกันได้เฉพาะราชวงศ์และขุนนางชั้นสูงเท่านั้น

สำหรับประเทศฝั่งตะวันออกอย่างไทยเรานั้นก็ได้รับอิทธิพลและหลงเสน่ห์ความหอมหวานของช็อกโกแลตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเช่นกัน นับแต่ได้มีการติดต่อซื้อขายกับชาวยุโรป ซึ่งทางวีอาร์ไทยได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้ที่หลงใหลช็อกโกแลตอย่างคุณเต้ย จิรยุว์ ณ ระนอง(เชฟเต้ย)และคุณฝ้ายฟู ภัทรานวัช (เชฟฝ้ายฟู ครัวอินดี้) ที่จับมือกันเข้ามาช่วยกันบริหารร้านน่ารักๆ ในชื่อ Chu Chocolate Bar and Cafe และนำเอาช็อกโกแลตมาทำเมนูของหวานที่หลากหลาย รวมถึงมีการจัดชุดของขวัญพิเศษในช่วงเทศกาลต่างๆ ด้วย
“สิ่งที่ทำให้ฝ้ายและเต้ยหลงใหลในช็อกโกแลตคงเป็นเพราะรสชาติเป็นอันดับแรกค่ะ มันมีความคลาสสิกตรงที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความหอมหวานเท่านั้น มันแฝงด้วยความขมนิดๆ ให้ได้สัมผัสความแตกต่างของรสชาติภายในชิ้นเดียวกัน และสำหรับฝ้าย ยิ่งถ้าได้ความมันของโกโก้บัตเตอร์แล้ว กินแล้วมีความสุขมากๆ เลย

ด้วยความชื่นชอบในรสชาติของช็อกโกแลตนี้ ฝ้ายก็เลยชอบที่จะทำขนม ส่วนเต้ย เขามีความสุขกับการทำอาหารและขนมในทุกๆอย่าง เต้ยมักนำเอาช็อกโกแลตมาทำเป็นเมนูขนมต่างๆ ภายในร้าน ซึ่งก็เป็นเมนูทั่วไป อย่างช็อกโกแลตร้อน ช็อกโกแลตเย็น เค้กช็อกโกแลตลาวา ไม่ได้เน้นความแปลกและหวือหวามากมาย เพราะช็อกโกแลตมันสามารถพรีเซนต์ความโดดเด่นของตัวเองได้ แต่ที่ร้านฝ้ายมักจะนำมาจับคู่กับชีส เพราะมันเข้ากันได้ดี
“ในช่วงเทศกาล ที่ร้าน Chu เรามีการทำของขวัญแบบพิเศษ ซึ่งเพราะเน้นในเรื่องของรูปลักษณ์มาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะมันคือของขวัญที่ถูกส่งไปยังผู้รับ แทนคำพูดอีกหลายๆคำที่ผู้ส่งอาจไม่กล้าพูดหรือไม่มีโอกาสได้พูด เราเลยต้องให้ความสำคัญกับของขวัญนี้ แม้ว่าจะเป็นแค่ขนม หรือช็อกโกแลตก็ตาม

ตอนนี้เรากำลังจะทำมาการอง หัวใจช็อกโกแลตไว้สำหรับเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ค่ะ สุดท้ายนี้ ฝ้ายมีคำแนะนำสำหรับคนที่ชื่นชอบในช็อกโกแลต หากจะเลือกซื้อช็อกโกแลตหรือผลิตภัณฑ์จากช็อกโกแลตให้ได้คุณภาพที่ดี ข้อแนะนำง่ายๆ คือ ให้คุณลองสังเกตดูนะคะว่า ช็อกโกแลตนั้นมาจากที่ไหน
ถ้ามาจากยุโรปก็ถือว่าเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียง และดูบรรจุภัณฑ์ประกอบด้วยว่า มีการปกป้องแสงแดดไหม โดนอากาศหรือไม่ เก็บที่อุณหภูมิเท่าไหร่ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้คุณภาพของช็อกโกแลตเสื่อมค่ะ และสุดท้าย ดูจากรสชาติ ลองชิมดูค่ะ ถึงจะรู้ว่าช็อกโกแลตนั้นคุณภาพดีหรือไม่ ขอให้เพื่อนๆทุกคนมีความสุขกับการกินช็อกโกแลตนะคะ”
Credit: Chu Chocolate Bar & Café
อาคาร Exchange Tower ชั้น 2 ยูนิต 204 (ติดทางเชื่อมไป BTS อโศก) ถนนสุขุมวิท คลองเตย กรุงเทพ
02 663 4554
https://www.facebook.com/CHU.BKK
ทอง ของขวัญมีมูลค่า

นอกจากของขวัญที่เป็นของกินได้แล้ว ค่านิยมทางประเทศฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะชาวจีน ยังนิยมมอบเครื่องประดับและของมีค่า อย่างทอง โลหะสีเหลืองสุกวาว งดงาม เพื่อเป็นของขวัญแก่คนที่รักและคนในครอบครัวด้วย ซึ่งเราได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณฟลุ๊ค พีรพันธ์ วชิรคพรรณ หนึ่งในผู้บริหารปัจจุบันของห้างทองเล่งหงษ์ เยาวราช
คุณฟลุ๊ค “ ค่านิยมการให้ทองนี้ เป็นเพราะว่า ทองนั้นถือเป็นของมีค่า ซึ่งนิยมกันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว สังเกตได้จากเครื่องประดับต่างๆ อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆของฮ่องเต้ เช่น จอกดื่มชาผลิตจากทอง ไม่ใช่แค่เฉพาะคนจีนเท่านั้นนะครับ แต่เป็นคนส่วนใหญ่ทั่วโลก พระราชวังของกษัตริย์ในแทบทุกประเทศก็มีวัสดุอย่างทองผสม

การซื้อขายของชาวจีนที่นอกจากจะใช้ตั๋วเงินแล้ว ก็ยังใช้ทองในการซื้อขายด้วย ซึ่งในสมัยโบราณก็เอามาตัดออก หั่นออกตามมูลค่าของที่ซื้อ ตอนแต่งงานก็มีการใช้สินสอดเป็นทอง มีลูกก็มอบทองเป็นของรับขวัญ ซึ่งผมว่าคนเราผูกพันกับทองในทุกๆด้าน ดังนั้น การที่มอบทองให้เป็นของขวัญนั้นก็เพราะทองสามารถเปลี่ยนมูลค่าตัวเองได้หลายอย่าง เช่น เอาไปใส่เป็นเครื่องประดับ เอาไปเก็งกำไร เอาไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เป็นมรดก หรือมอบเอาไว้แทนใจ เป็นต้น”
ในการเลือกซื้อทองให้เป็นของขวัญนั้น มีความเชื่อกันว่า ถ้าซื้อทอง ต้องมาซื้อที่เยาวราช ซึ่งคุณฟลุ๊คก็ได้อธิบายถึงเหตุผลในข้อนี้ว่า “ผมคิดว่า ความเชื่อนี้ ยังควรเป็นความเชื่อที่ควรเชื่อนะครับ ทองนั้นมีกฏหมายสคบ.ควบคุมอยู่ ซึ่งไม่ว่าคุณจะซื้อที่เยาวราช นอกเมือง หรือต่างจังหวัด เขาก็กำหนดให้ค่าคำเหน็จของทองเท่ากัน มูลค่าราคาทองจึงเท่ากันในทุกที่
แต่ว่า สำหรับทองในเยาวราชนั้น ทางกฏหมาย สคบ.กำหนดให้มีความบริสุทธิ์ของเนื้อทอง 96.5 % และด้วยความที่ทองมีน้ำประสานผสมอยู่ กฏหมายจึงกำหนดให้ทองเยาวราชหลังจากหลอมทิ้งแล้วต้องมีเนื้อทองบริสุทธิ์ 92.5 % และทองที่มีน้ำหนัก 10 กรัมขึ้นไป ต้องมีความบริสุทธิ์ 93.5 % ทองเยาวราชจึงมีความบริสุทธิ์ของเนื้อทองมากกว่าทองข้างนอกครับ

สรุปแล้วเหตุผลที่คุณควรยอมเสียเวลาสักเล็กน้อยเดินทางมาซื้อทองที่เยาวราชนั้น เพราะ หนึ่ง ด้วยความที่ราคาซื้อขายทองในเมือง และนอกเมืองเท่ากัน ประกอบกับเยาวราชเป็นแหล่งจำเพาะ มีหลายร้านให้เลือกแล้ว บางครั้งคุณอาจต่อราคาได้ถูกกว่าด้วย สองคุณจะได้เนื้อทองที่คุณภาพสูงกว่า และสุดท้าย จากการที่ทองมีเนื้อคุณภาพที่ดีนั้น ทางร้านทองของเยาวราช เรามีการประกันทองที่สูง คือหักไม่เกิน 1.4% ซึ่งที่อื่นจะหักมากกว่า
ซึ่งแน่นอนว่า หากเรารับเปลี่ยนคืนทองเปอร์เซ็นต์ต่ำๆ มาเราก็ขาดทุน ทางเยาวราชจึงจำหน่ายแต่ทองคุณภาพสูงเผื่อเวลารับเปลี่ยนคืนครับ แต่ปัจจุบันด้วยราคาทองที่มันผันผวน และมีราคาสูงขึ้นมากนับแต่ปี 2008 ทำให้ค่านิยมในการซื้อเป็นของขวัญนั้นลดลงไปมาก แต่ก็ยังมีการซื้อเพื่อใช้ในเทศกาล เช่น จับของขวัญบริษัท แจกพนักงาน หรือซื้อไปใช้ในพิธีหมั้นและแต่งงานบ้าง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับค่านิยมของครอบครัวนั้นๆ ซึ่งอย่างร้านทองเราเองก็มีการปรับกลยุทธ์ให้สะดวกกับลูกค้ามากขึ้น เช่น บริการรับสั่งซื้อทองทางโทรศัพท์ ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ ณ ราคาวันนั้น แต่สามารถมารับเมื่อไหร่ก็ได้ ต่อให้เป็นวันที่ราคาทองสูงขึ้นก็ตาม”
“ไม่ว่าจะก้าวเข้าสู่เทศกาล หรือวันสำคัญไหนๆ “ของขวัญ” ก็คือสิ่งที่ทุกคนอยากมอบ หรือแบ่งปันให้กัน ซึ่งตามความหมายของ “ของขวัญ” ก็คือ เป็นสิ่งของที่ให้กัน เพื่อเป็นสิ่งแทนใจหรือรักษามิตรภาพ ความสัมพันธ์ที่ยืนนาน เป็นความห่วงใย โดยไม่ต้องใช้คำพูด และไม่ใช่เป็นการซื้อขายกัน ของขวัญเป็นการให้อย่างสมัครใจที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ซึ่งการตอบแทนคืนให้กัน ก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่าย พึงพอใจจะให้ของขวัญกลับคืนไป เป็นการแสดงความรัก และน้ำใจอันดีงามอย่างสุดซึ้งย”

และสุดท้ายนี้ คุณฟลุ๊คได้ให้คำแนะนำในการเลือกซื้อทองกับผู้อ่านไว้ด้วยว่า
“ ทองที่ดีนั้น สีจะต้องไม่หม่น ไม่ว่าเก็บไว้นานแค่ไหนก็ตาม เช็ดฝุ่นออกแล้ว ขัดถูนิดหน่อยสีก็ยังต้องเป็นสีทอง เงาและแวววาวเหมือนแต่แรกที่ซื้อมา ซึ่งในฐานะผู้ซื้อนั้น คุณอาจแยกไม่ออกเลยว่า อันไหนทองปลอม อันไหนทองจริง ซึ่งต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก ขนาดคนที่เขาชำนาญเขายังต้องใช้เวลาในการพิจารณา เช่น ดูจากน้ำหนัก ด้วยความที่ทองเป็นโลหะหนัก มีความเป็นหนาแน่นสูง จึงมีความหนักแตกต่างจากโลหะอื่น และดูจากเสียง ด้วยความหนาแน่นของทอง ตอนกระทบกันจึงมีเสียงที่ทุ้ม แตกต่างจากโลหะอื่นที่มีความแหลมของเสียงมากกว่า
แต่ด้วยความที่คุณผู้ซื้อไม่มีความชำนาญและประสบการณ์ในด้านทอง จึงมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเจอกับมิจฉาชีพหรือทองปลอม สมมติว่า คุณเดินเข้าไปในร้านขายทอง เจ้าของร้านหยิบทองปลอมมาให้คุณแล้วบอกว่านั่นคือทองจริง คุณก็ไม่สามารถรู้ได้ ดังนั้น ข้อแนะนำพื้นฐานที่ผมแนะนำคือ คุณควรเลือกร้านทองก่อน ยอมเสียเวลาเดินทางไปเลือกร้านทองที่มีความเก่าแก่ เปิดมานาน เพราะด้วยความที่มีชื่อเสียงนั้น เขามีจรรยาบรรณมากพอที่จะไม่นำทองปลอมมาปะปนขายให้คุณครับ”
Credit : ห้างขายทองเล่งหงษ์
HQ: 330 ถ.เยาวราช จักรวรรดิ สัมพันธวงศ์ 02 224 5251
BR1: 318 ถ.เยาวราช จักรวรรดิ สัมพันธวงศ์ 02 2245345
www.langhonggold.com
ขนมไทย ของขวัญชื่อมงคล

มาถึงของขวัญของฝากในวัฒนธรรมคนไทยกันบ้าง ซึ่งนอกจากเครื่องประดับมีค่าแล้ว คนไทยบางกลุ่มยังนิยมมอบของกินหรืออาหารว่างอย่างขนมไทย ที่ถูกทำขึ้นอย่างประณีตละเอียดละออ รวมถึงมีชื่อเป็นมงคลแฝงอยู่เพื่อเป็นเคล็ดให้กับผู้รับด้วย เช่น ขนมไทยมงคล 9 อย่าง เป็นต้นด้วยว่า ทองหยิบ ทองหยอด ทองเอก ฝอยทอง
ทางวีอาร์ไทยได้รับเกียรติจาก คุณแดน ทายาทตระกูลบุนนาค ที่วันนี้ได้นำตำรับวิชาขนมหวานและอาหารว่างชาววังมาเปิดร้านขนมหวานโดยใช้ชื่อว่า ศรี ซึ่งคุณแดนได้ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นมาว่า แท้จริงแล้ว ขนมไทยนั้นไม่ได้เป็นของคนไทยมาตั้งแต่แรก มีการริเริ่มทำมาตั้งแต่อยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งในช่วงขณะนั้นได้มีสัมพันธไมตรีกับชาวตะวันตก และมีชาวต่างชาติมารับราชการอยู่ในพระราชวังด้วย

หนึ่งในนั้นคือ ท้าวทองกีบม้า หรือ มารี กีมาร์ เดอ ปีนา (Marie Guimar de Pinha) ภรรยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ทั้งสองท่านเป็นช้าราชการในสมเด็จพระนายณ์มหาราช (พ.ศ. 2201 หรือ พ.ศ. 2202 – พ.ศ. 2265) ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งเรียกว่า หัวหน้าวิเสท ทำอาหารเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูตฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆ ที่มาเยือนในสมัยนั้น
ด้วยความที่คลุกคลีกับครัวไทย ท้าวทองกีบม้า จึงได้มีความคิดริเริ่มนำวัตถุดิบต่างๆของไทยมาทำเป็นขนมโดยดัดแปลงจากตำรับอาหารโปรตุเกส อย่างขนมฝรั่ง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง กะหรี่ปั๊บ ทองม้วนและสังขยา เป็นต้น จนได้รับยกย่องว่าเป็นราชินีแห่งขนมไทย และนิยมแพร่หลายกันในพระราชวังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งก็ยังจำกัดอยู่ในวงแคบ สามารถหามารับประทานได้ก็เฉพาะชาววังเท่านั้น ต่อเมื่อได้มีการนำสูตรออกมาเผยแพร่นอกพระราชวัง ได้มีการผลิตกันมากขึ้น จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

คุณแดน “ที่ผมทำร้านนี้ขึ้นมานั้น จุดประสงค์มากกว่าครึ่งหนึ่ง คือ อยากอนุรักษ์ขนมไทยและอาหารว่างโบราณไว้ ซึ่งปัจจุบันหากินแบบต้นตำรับได้ยากมาก เพราะค่านิยมของคนในสังคมเปลี่ยนไปและหาซื้อขนมไทยแบบนี้ได้ยากมากขึ้น การเปิดร้านขนมไทยมันอาจดูสวนกระแส เพราะปัจจุบัน เราได้รับอิทธิพลตะวันตกเข้ามามากขึ้น ของว่างและขนมส่วนใหญ่ก็จะเป็นขนมปัง เค้ก และเบเกอร์รี่ที่ซื้อหาได้ง่าย และบางอย่างก็ราคาถูกกว่าขนมของไทยซะด้วยซ้ำ และผมเข้าใจครับ ว่าอาหารนั้น มันขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้บริโภคนั้นๆ ด้วย
ดังนั้นจะให้ใครมาอนุรักษ์ไทย ชอบของไทยทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ ผมจึงอยากนำเสนอขนมไทย อาหารว่างไทยให้คนรุ่นปัจจุบันได้รู้จักบ้าง เพราะบางท่านอาจไม่เคยมีโอกาสแม้แต่รู้จักชื่อของขนมไทยบางชนิดเลยด้วยซ้ำ รวมถึงขนมและอาหารไทยนั้นมีการลดต้นทุนเปลี่ยนส่วนผสมให้ถูกลง รสชาติจึงแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องที่ ถ้าจะหาอร่อยจริงๆ ก็ต้องไปตามแหล่ง ที่วัตถุดิบหลักเป็นของพื้นเมืองนั้นๆ

สูตรขนมส่วนมากก็มาจากต้นตระกูลครอบครัวบุนนาคของผมเอง ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อยตามยุคสมัย เช่น อาจจะทำให้หวานน้อยลงเพราะคนปัจจุบันใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น และขนมทุกๆชนิดที่ทำเราไม่ได้มีการผสมสี ผสมกลิ่นสังเคราะห์และไม่ผสมสารกันบูดใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผมอยากได้ขนมในรสชาติแบบดั้งเดิม และปลอดภัย ที่สามารถนำมาให้คุณพ่อ คุณแม่และคนที่เรารักในครอบครัวรับประทานได้
ด้วยต้นทุนในการผลิตที่สูงนี้ กำไรจึงไม่ได้มากมายนัก แต่เราก็มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เข้ากับคนสมัยนี้มากขึ้น มีปรับสูตรขนม เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้น่าดึงดูดใจมากขึ้น สามารถนำไปเป็นของฝาก ของขวัญในช่วงเทศกาลได้ ผมภูมิใจนะครับที่ร้านเล็กๆของผมแม้จะไม่ได้มีกำไรมากมายนัก แต่ก็มีลูกค้าแวะเข้ามาไม่ได้ขาด และช่วยให้คนไทยในสมัยนี้ได้ชิม

ขนมไทยและอาหารว่างโบราณสูตรดั้งเดิมแบบชาววัง ที่หากินได้ยากครับ”
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่า ถึงแม้เราจะได้รับอิทธิพลจากขนมตะวันตกอย่างเบเกอร์รี่เข้ามา ก็ยังอยากให้เยาวชน คนไทยได้รู้จักขนมไทย ได้ช่วยอนุรักษ์กันบ้างครับ”
Credit: ร้านศรี
K Village ซ.สุขุมวิท26 ถ.สุขุมวิท คลองเตย กรุงเทพ 089 9235477
1027 อาคาร ชั้น G โซนเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ ห้างเซ็นทรัลชิดลม เพลินจิต กรุงเทพ