อดีตนักเล่นเกมส์โชว์อาชีพ เซลล์ขายรถยนต์ ไกด์ท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมาแล้วทั่วทุกมุมโลก ประกอบกับลักษณะการนำเสนอ วิธีการพูด การเล่าเรื่องของเขาซึ่งเป็นแบบเฉพาะตัว ทำให้ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล โดดเด่นขึ้นมายืนแถวหน้าเป็นหนึ่งในพิธีกรรายการโทรทัศน์ระดับต้นๆ ของเมืองไทยขณะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวผจญภัย อย่างเช่น เปิดเมืองแปลก หรือ อเมซิ่งเมืองไทย รายการฮิตในอดีต ปัจจุบันเขามีรายการที่กำลังฮิตคือ
ทูไนท์โชว์, โวยาเจอร์ เกมผจญภัยในต่างแดน, แจกแหลก และ ครูพัก ลักจำ
VR Thai: ชีวิตลำเค็ญมากกว่าจะมายืนตรงจุดนี้?
ณวัฒน์: ชีวิตเหมือนการเดินทางครับ เป็นความโชคดีนะที่ผมคิดเป็น ไม่ปล่อยให้ชีวิตอดตายไปเมื่อวันที่ลำบากที่สุดตอนไม่มีเงินเรียนหนังสือ ผมมาจากครอบครัวชนบท ชาวไร่ชาวสวน ดำเนินสะดวก ราชบุรี ออกจากบ้าน ตอน ม.4 เข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพ ลำบากมากเลย อายุ 13-14 ปี ผมก็คิดออกนะว่าผมต้องไปเล่นเกมโชว์ หาเงินเรียน คิดออกว่าต้องทำอะไรต่อ เล่นมาจนถึง 16 ก็ไม่ได้เล่นแล้ว เล่นมาแทบทุกรายการ เขาบอกหน้าช้ำมาก เล่นเกมส์โชว์ได้เงินเยอะนะครับสมัยโน้น ประมาณเป็นหลักล้าน
VR Thai: ได้ข่าวว่าเก็บเงินไม่ใช้เลย มีแต่หาใหม่มาเพิ่ม
ซึ่งยากนะสำหรับเด็กวัยนั้น?
ณวัฒน์: ผมเป็นคนไม่ประหยัดอย่างเดียวนะครับ มันก็มีใช้ไปบ้างในสิ่งที่จำเป็น แต่คิดเป็นครับ ถ้าเราต้องการความมั่นคงต้องเก็บไว้เรียนหนังสือให้จบ ทำเงินล้านนึงตอนเล่นเกมส์โชว์ก็เก็บไว้เกือบได้หมด หางานขายของ ขายหนังสือตามสีลม สุขุมวิท ห้างสรรพสินค้า พอเรียนจบ บดินทร์เดชาก็มาเข้าหอการค้าไทยแล้วก็ได้งานที่ มิตซูบิชิมอเตอร์ ไม่มีเวลาไปเรียนภาคปรกติ เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ 5 ปีจบ เลือกเรียนหลักสูตรอินเตอร์ ผลพลอยได้ก็คือภาษาอังกฤษ ตอนอยู่ที่มิตซูบิชิเก็บเงินได้เพิ่มขึ้นอีกพอสมควร จบแล้วอยากจะไปเรียนต่อเมืองนอก คุณแม่ไม่ให้ไปก็ไม่ไป มาทำงานเป็นไกด์ แล้วก็มามาเปิดบริษัทของตนเองชื่อ โบอิ้ง ฮอลิเดย์ ทัวร์ แอนด์ ทราเวล
VR Thai: การท่องเที่ยวนำมาสู่บทบาทพิธีกร?
ณวัฒน์: จะพูดอย่างงั้นก็ได้ อาชีพไกด์ทำให้ผมได้พบกับคนในวงการบันเทิงเยอะก็ถูกชักนำเข้ามาในวงการบันเทิง ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนมีโชคเรื่องงาน เพราะจะเดินเข้าหาโอกาสตลอด ผมชอบการเดินทาง พอได้มีโอกาสในการทำรายการท่องเที่ยวผมจะรู้ว่าบทบาทที่ผมถนัด คือการเป็นตัวของตัวเอง ใช้วิจารณญาณ ใช้ความคิด การใช้คำพูดร้อยเรียง แล้วก็รายการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่เราถนัด ผมรักการเดินทาง นำพาผู้ชมไปพบเจอแหล่งท่องเที่ยวแปลกๆ อีกมุมหนึ่งของเมืองต่างๆ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่แหล่งชอปปิ้ง หรือสถานที่ถ่ายรูปเหมือนกับรายการทั่วไป สิ่งเหล่านี้เกิดจากการอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ข่าวหน้าในหรืออ่านทุกสิ่ง ซึ่งในนั้นจะเต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกๆ มากมาย ขอบคุณที่ท่านผู้
ชมให้การตอบรับด้วยดีมาตลอด ก็จะพยายามพัฒนาทำรูปแบบรายการไม่ให้ซ้ำกับรายการอื่น โลกใบนี้ทั้งโลก 200 กว่าประเทศ ยังมีอะไรลึกลับซับซ้อน ยังมีเรื่องให้น่าค้นหาอีกเยอะครับ
VR Thai: ทราบว่าต้องเดินทางต่างประเทศเป็นประจำ?
ณวัฒน์: ครับ นี่ก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ถ่ายรายการมาหนาวก็หนาว ฝนก็ตก กลับมาเสียงผมก็แย่แล้ว ดีนะครับยังมานั่งให้สัมภาษณ์ VR ได้ สภาพผมแย่มากคุยกับพี่ก็ชักจะไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว ลำบากครับลำบาก ในการแต่ละครั้งของการเดินทาง เราต้องเตรียมงาน 2-3 สัปดาห์ เพราะเรามีเวลาจำกัด เมื่อไปถึงปั๊บต้องได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำทันที ไม่ว่าฝนจะตก อากาศจะแปรปรวนยังไงก็ต้องหาวิธีถ่ายให้ได้ บางครั้งจะต้องไปถ่ายให้ทัน 7 โมงเช้าเพราะมันจะมีเฉพาะแค่ช่วงเวลานั้น ตีสอง ตีสามต้องออกจากที่พักขับรถขึ้นเขาไปให้ทันตามเวลา บางทีก็ไม่ต้องหลับต้องนอนกัน
VR Thai: ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางคงไม่เป็นปัญหากับการทำงานในต่างประเทศ?
ณวัฒน์: ครับเราก็หา supplier ที่เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษ ประเทศในเอเชียเราไม่มีปัญหาแต่ก็มีบางประเทศอย่างเราไปอย่างเช่น เวเนซูเอล่า เปรู เขาพูดสเปน ไม่พูดภาษาอังกฤษกันเลย เราต้องหาไกด์พูดภาษาอังกฤษจ้างให้มาเป็นล่ามอีกทีนึง
VR Thai: คิดอย่างไรกับการทำงานในวงการบันเทิง?
ณวัฒน์: ผมอาจจะมีพรสวรรค์และผมได้ทำในสิ่งที่ชอบ ผมจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของผมครับ ผมมีความสุขกับการทำงานในวงการบันเทิง บางคนอาจจะบอกว่าเราทำงานกันก็เพื่อเงินหรือหน้าที่ ซึ่งผมไม่เถียง ถูกหมดเลย แต่สำหรับผมนะ สิ่งเหล่านี้มาทีหลัง เพราะผมต้องรู้สึกสนุกและมีความสุขก่อน แต่การรักษาชื่อเสียงให้อยู่นานที่สุดน่ะ สำคัญ และต้องระวังให้มากที่สุด สิ่งที่คิดอยู่เสมอ คือทำอย่างไรที่จะให้เรานั้นมีความสม่ำเสมอทำงานได้นานแสนนานที่สุด นั่นคือโจทย์ที่ยากที่สุด การเดินทางของผมยังอีกนานครับ
VR Thai: มีอะไรฝากถึงคนไทยในออสเตรเลียบ้าง?
ณวัฒน์: อยากจะฝากถึงน้องๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ คิดว่าน้องๆ มีโอกาศดีกว่าผมแน่ในเมื่อวัยเด็ก เพราะฉะนั้นเก็บเกี่ยวโอกาศและจังหวะชีวิตที่ดีที่สุดไว้ให้เยอะที่สุด อย่าลืมว่าการเรียนไม่ใช่อยู่เฉพาะแต่ในตำราใช้ชีวิตในการเรียนหาประสพการณ์ด้วย แล้วอย่าเผลอไผลไปใช้ชีวิตในสิ่งที่ผิดจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ใครรู้ตัวว่าเกเรก็เลิกเดี๋ยวจะสายเกินแก้ มองชีวิตไปยาวๆ ส่วนที่ทำดีอยู่แล้ว ก็ยิ่งดี สังคมปัจจุบันโอกาศมีน้อย อย่ารอให้โอกาศเดินเข้ามาหา เดินเข้าไปขอโอกาศที่อยากจะได้หรืออยากจะทำจะเป็นใบเบิกทางที่ดีที่สุดครับ ส่วนท่านที่ไปใช้ชีวิตที่นั่นก็ขอให้ประสพผลสำเร็จในหน้าที่การงานและธุรกิจนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย แล้วทักทายกันบ้างนะครับถ้าเจอะเจอผม ณวัฒน์ ที่โน่นเพราะผมเดินทางบ่อยมากครับ