(ต่อจากตอนที่แล้ว) ตอนสายๆ ของกลางเดือนมกราคมหลังจากผมเสร็จงานดูแลลูกทัวร์ของสกายซิตี้ที่โอ๊คแลนด์ ก็พอดีกับจังหวะที่คณะของเจ๊ง้อกลับมาจากเกาะใต้ ผมเลยต่องานเลยทันที เรียกได้ว่าทริปนี้แทบไม่ได้พัก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในโอ๊คแลนด์ที่น่าสนใจ นอกจากเม้าท์อีเดน, มิชชั่นเบย์, ดีวอนพอร์ต, ย่านพาเนลและควีนส์สตรีท ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่หลักๆ ในธุรกิจการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดแล้ว แต่โดยความเห็นส่วนตัวของผม
อีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดในฤดูนี้คือ หาดมูลิวาย ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของโอ๊คแลนด์เพราะที่นี่นอกจากมีความแปลกที่หาดทรายสีดำแล้ว ในท้องทะเลจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักเล่นกระดานโต้คลื่น นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ ฝูงนกเก็นเนทที่มาสร้างรวงรัง ตลอดจนวางไข่และฟูมฟักลูกน้อย โดยอาศัยโขดผาและดงหญ้าเฟล็กซ์ (Flex) ที่ขึ้นอยู่รายล้อม จนลูกนกแข็งแรง ก่อนที่จะพากันอพยพกลับคืนสู่ถิ่นฐานที่ประเทศออสเตรเลียในช่วงต้นฤดูหนาว
พวกเรามาถึงที่มูลิวายก่อนเที่ยงเล็กน้อย ซึ่งวันนี้ท้องฟ้าเปิด ปรกติการมาเที่ยวประเทศนิวซีแลนด์จะขึ้นอยู่กับดวงของคุณว่าอากาศจะเป็นอย่างไร ที่นี่การพยากรณ์อากาศมักผิดพลาดเสมอ ก็เพราะเป็นประเทศเล็กท่ามกลางมหาสมุทรนั่นเอง แต่ในวันนี้ถือว่าเราโชคดีเพราะว่าท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆดังสมญานาม “เออาวเทียรัว” แปลว่าดินแดนแห่งเมฆขาวสุดตา ซึ่งก็คือสมญานามของประเทศนิวซีแลนด์นั่นเอง
หลังจากรถจอดที่ลานจอดบนเนินเขา พี่ปีเตอร์พร้อมน้องแมทธิวและน้องชาย อยากลงไปสูดอากาศบริสุทธิ์ก่อนที่จะเดินไปดูนกประมาณ 200 เมตร ก็พอดีกับเสียงโทรศัพท์ทางไกลจากซิดนีย์ต้องการคุยธุระสำคัญกับเจ๊ง้อ เราเลยตัดสินใจให้เจ๊ง้อทำธุระ ในขณะที่พวกเราเริ่มเดินไต่เขาผ่านดงหญ้าเฟล็กซ์ ซึ่งต้นเฟล็กซ์มีลักษณะคล้ายใบเตยยักษ์สูงประมาณ 1 เมตร ใบสีเขียวเข้มและมีเส้นใยที่เหนียวมาก ในอดีตชาวเมารีนำมาทำเป็นเชือกตลอดจนสานเป็นเสื่อและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งต้นเฟล็กซ์นี้จัดได้ว่าเป็นไม้ป่าขึ้นอยู่ทั่วไปทั่วเกาะเหนือและบางส่วนของเกาะใต้ เราเดินผ่านผืนป่าเฟล็กซ์ประมาณ 10 นาที ก็ถึงจุดแรกที่เห็นนกในระยะไกลๆ
สำหรับผมแล้วแม้ว่าเคยมาหลายครั้งตอนที่อาศัยอยู่โอ๊คแลนด์ แต่สำหรับปีนี้ผมมีความรู้สึกว่าปริมาณฝูงนกเก็นเนทมีมากขึ้น และวันนี้ก็โชคดีที่เรามาเจอจังหวะลูกนกฟักออกจากไข่แล้ว จากจุดแรกเราใช้เวลาอีกประมาณ 5 นาที ก็ถึงจุดที่สามารถเห็นนกอย่างใกล้ชิด บนหน้าผาริมชายทะเลซึ่งเป็นลานกว้างจะเต็มไปด้วยรังนกซึ่งมีแม่นกกำลังกกลูกน้อยบางตัวเพิ่งฟักออกมาจากไข่ก็มีลักษณะสีขาวนวล ขนฟูปุกปุย ในขณะที่บางรังลูกนกคงฟักออกมาประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วขนก็จะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นลายดำตัดขาว ซึ่งพี่ปีเตอร์และน้องแมทธิวตื่นตาตื่นใจกันยกใหญ่ เพราะที่เห็นไม่ใช่นกแค่เพียงตัวสองตัว แต่มีปริมาณนับร้อย ซึ่งนกเก็นเนทเมื่อโตเต็มที่ตัวจะขนาดเท่าไก่รุ่นๆ ลักษณะเหมือนนกนางนวลแต่ตัวใหญ่กว่า ส่วนตัวจะมีสีขาว ขนส่วนหัวจะมีสีเหลืองและปลายปีกจะมีสีดำนกชนิดนี้หากินได้เก่งและมีความทรหดอดทนสูง ในประเทศนิวซีแลนด์เราจะพบในฤดูร้อน และฝูงนกเก็นเนท นี้จะอพยพหนีหนาวกลับไปสู่ถิ่นฐานเดิมตอนปลายพฤษภาคมของทุกปี ดังนั้นโอกาสที่จะได้เห็นในแต่ละปีก็จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ
หลังจากทุกคนเสร็จจากดูนกก็ถึงเวลาที่พ่อลูกอยากออกกำลังกาย คือการปีนเขาลงมาสู่หาดทราย แต่สำหรับผมงานนี้สบายเพราะผมต้องย้ายรถมารอรับที่ชายหาดเลยไม่ต้องร่วมปีนเขาลงมาด้วย ระหว่างที่พี่ปีเตอร์ปีนเขาลงมาได้เห็นนักตกปลากำลังเย่อปลาตัวขนาดเท่าขาด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติเพราะปลาในท้องทะเลนิวซีแลนด์มีเยอะมาก เรียกได้ว่ามีอย่างเหลือเฟือ ที่นิวซีแลนด์นี้เป็นสวรรค์ของนักตกปลาอีกด้วย การตกปลาที่นี่ไม่จำเป็นต้องออกไปกับเรือ เพียงแค่ตกชายฝั่ง โอกาสที่คุณจะผิดหวังไม่ได้ปลากลับบ้านมีน้อยมาก แต่การตกปลาที่มูลิวายบีชนี้ค่อนข้างจะอันตรายเพราะคลื่นแรง บางปีผมเคยได้ยินข่าวนักตกปลาเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่ชายหาดแห่งนี้ แต่สำหรับที่ตกปลาโดยทั่วไปก็มีทั้งประเทศแหละครับ ในอนาคตผมจะเล่าเรื่องรายละเอียดในการตกปลาให้ฟัง
หลังจากทุกคนได้ถ่ายรูปและทำธุระส่วนตัวเสร็จสรรพ เราก็เลยขับกลับโอ๊คแลนด์โดยผ่านสวนสตรอเบอรี่ ผมเลยไม่พลาดที่จะจอดแวะให้ทุกคนได้ซื้อไอศกรีมสตรอเบอรี่สด ซึ่งที่นี่เขาทำได้อร่อยมากเพราะเค้าเอาสตรอเบอรี่สดจากสวนมาปั่นรวมกับไอศครีม นอกจากนี้นม เนย ที่นี่ถือว่ามีความเข้มข้นสูงมาก เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่นิวซีแลนด์ราคาน้ำจะแพงกว่านม เพราะฉะนั้นเด็กไทยที่มาเรียนที่นี่ส่วนใหญ่จะอ้วนง่าย ก็เพราะอาหารแต่ละมื้อจะเต็มไปด้วยนม เนย ครีมนั่นเอง และหลังจากที่ทุกคนเอ็นจอยกับไอศกรีมแล้วก็ถึงเวลาอาหารมื้อเย็น ซึ่งวันนี้ผมจะรับหน้าที่เป็นพ่อครัวเพราะเป็นมื้อที่เราต้องจากกันแล้ว เมนูค่ำนี้ก็คือ ปลาแซลมอนราดซอสสูตรพิเศษ ซึ่งปลาแซลมอนและเนื้อนิวซีแลนด์ดีที่สุดในโลก เพราะเป็นประเทศเดียวที่ปลอดสารกัมมันตภาพรังสี นอกจากนี้ปลาแซลมอนที่นี่ยังมีไขมันโอเมก้า3แทรกอยู่ในเนื้อปลาด้วย การทอดปลาแซลมอนที่นี่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมัน
เมื่อถึงที่พักเราต่างแยกกันทำอาหาร โดยผมทำเมนูปลาแซลมอนและหอยแมลงภู่อบ ในขณะที่เจ๊ง้อทำเนื้อย่าง ปลาแซลมอนรมควันและสลัด เมื่อลำแสงสุดท้ายของวันจางหายไปจากขอบฟ้า เราทั้งหมด 5 คน ร่วมรับประทานอาหารพร้อมกับพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ซึ่งก็คือความสุขที่ทุกคนสัมผัสได้ก่อนที่จะแยกย้ายกันที่สนามบินโอ๊คแลนด์ในวันถัดมา
ทริปนี้จัดได้ว่าเป็นทริปพิเศษ แม้ลูกทัวร์จะมีเพียง 4 คน แต่ความทรงจำและความประทับใจที่ผมได้รับ กลับมีความรู้สึกว่ามีความผูกพันมากกว่าลูกทัวร์หลักร้อย ซึ่งผมดูแลอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม บนเส้นทางของชีวิตไกด์ การได้สัมพันธ์และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับลูกทัวร์ถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่าของชีวิต เพราะความสุขของคนเราแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป บางครั้งเงินมิใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้คนเรามีความสุขเสมอไป บางทีความรู้สึกเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในหัวใจกลับเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต สำหรับทริปนี้ผมขอขอบคุณพี่ปีเตอร์เจ๊ง้อและครอบครัว ที่ได้มาต่อเติมความรู้สึกดีๆ ให้กันครับ
สำหรับผู้อ่านท่านใดสนใจอยากสอบถามรายละเอียดการมาเที่ยวสามารถติดต่อเจ๊ง้อได้ที่ร้านอิมพีเรียล ซึ่งอยู่ที่แคปบรามัตตร้าได้ครับ งานนี้เจ๊ง้อบอกยินดีให้คำแนะนำ และหากท่านใดอยากมาเที่ยวนิวซีแลนด์ สามารถติดต่อขอรายละเอียดได้ที่เจ๊ง้อเช่นกันครับ หรืออยากรู้ข้อมูลท่องเที่ยวติดต่อมาได้ที่ ponkrit_nz@hotmail.comหรือจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ท่องเที่ยวผมก็ ยินดีครับ แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ