นวดแผนไทย กับการนวดตามวิถีพุทธ ปัจจุบันนี้คนบางส่วนยังไม่มีความเข้าใจ ในความแตกต่างระหว่าง นวดแผนไทยกับการนวดตามวิถีพุทธ ส่วนมากจะเข้าใจเพียงแค่การนวดแผนไทย ซึ่งเป็นการผสมผสานของการนวดตามตำราจีนและโยคะของอินเดีย
แต่ถ้าจะศึกษาให้ลึกซึ้งนั้น การนวดแผนไทยควรจะต้องนำหลักความคิด ทางพระพุทธศาสนาเข้ามาแทรกด้วย โดยการทำสมาธิและการรักษาศีล เพื่อให้จิตสะอาดซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้จะช่วยทำให้ผู้นวด มีพลังในการนวดให้แก่คนไข้ และสามารถรักษาอาการป่วยของคนไข้ได้ ขึ้นด้วยอาจารย์เห็นว่าการนวดไทยสมัยนี้

ส่วนใหญ่เป็นเพียงการนวดตามศาสตร์ที่เรียนมา แต่ปัจจุบันการนวดแผนไทย ได้มีการพัฒนาขึ้นมากอาจารย์ก็อยากจะให้ คนไทยหรือคนที่อยากทำอาชีพนวดได้ความเข้าใจ ในการทำสมาธิและการรักษาศีล เข้ามาผสมผสานกับการนวดแผนไทยด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถดึงพลังมาใช้ในการนวดได้ 80-90% โดยเฉพาะถ้าผู้นวดมีสมาธิดีๆ อาจดึงพลังมาใช้ได้ถึง 100% ที่เดียว ซึ่งสามารถนำมาช่วยรักษาโรค หรืออาการให้กับคนใช้ได้
“ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนการนวดให้กับลูกค้าหรือคนไข้พ้นวดจะต้องเตรียมความพร้อมทั้งกายวาจาและใจซึ่งทั้งสามองค์ประกอบนี้จะต้องสะอาดและอยู่ในศีล” ดังนี้

ทางกายคือ ร่างกายต้องสะอาด หน้าตาผิวพรรณ ผมเล็บมือและเท้าต้องให้ดูสะอาดสะอ้าน
ทางวาจาคือ การพูดจากับลูกค้านั้น ควรต้องพูดจาดีสุภาพ ในทางให้กำลังใจ แก่ลูกค้าไม่พูดจาว่าร้ายหรือซ้ำเติมเค้าต้องรู้จักวิธีการพูดในทางที่ดี

ทางใจคือ ใจสะอาดมีความยุติธรรม และมีเมตตาเช่น ไม่มีมีตใจที่คิดรังเกียจลูกค้า ไม่ว่าจะมีรูปร่างหน้าตา หรือแต่งกายอย่างไรก็ตาม ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เพราะทุกคนมีค่าเท่าเทียมกัน ไม่ควรตัดสินเพียง แค่รูปธรรมข้างนอกเท่านั้น
“ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนการนวดให้กับลูกค้าหรือคนไข้พ้นวดจะต้องเตรียมความพร้อมทั้งกายวาจาและใจซึ่งทั้งสามองค์ประกอบนี้จะต้องสะอาดและอยู่ในศีล”
นวดแผนไทย เมื่อลูกค้าเข้าร้าน และมาพบผู้นวดซึ่งมีจิตใจดี พูดจาดีให้กำลังใจเค้า อย่างน้อยอาการที่เจ็บป่วย ก็ทุเลาไปแล้วครึ่งหนึ่งหากทุกร้าน มีพนักงานในลักษณะนี้ ก็จะช่วยส่งเสริมให้กิจการรุ่งเรือง บางร้านบ่นว่าร้านเงียบไม่ค่อยมีลูกค้า ก็ต้องหันมาตรวจสอบจุดนี้ว่า ได้มีการฝึกอบรมพนักงานถึงจุดไหน

ซึ่งปัจจุบันอาจารย์ได้เพิ่มความรู้ ทางด้านจริยธรรมเหล่านี้ เข้าไปในหลักสูตรการสอนด้วย เพราะไม่อยากให้นักเรียนมอง แต่ตัวเงินหรือเห็นแก่เงินเพียงอย่างเดียว จนทำให้ขาดจริยธรรมในการนวดไป ซึ่งหากทางร้านมีพนักงานที่ดีอยู่ในศีล โดยรักษากายวาจาและใจ ให้สะอาดลูกค้าก็จะกลับมาอีก เพื่อมาหาผู้นวดคนเดิมและกลายมาเป็นลูกค้าประจำในที่สุด ซึ่งทางร้านก็จะไม่ประสบปัญหาขาดคนทำงานบ่อยๆเช่นกันนอก

เหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ปัจจุบันนี้วิวัฒนาการก้าวหน้ามากขึ้น ผู้นวดที่ดีจะต้องมีความรู้และศึกษาสรีระร่างกาย ตามหลักวิทยาศาสตร์ ของคนไข้ด้วยต้องเรียนรู้ด้าน เส้นเอ็นเส้นประสาทต่างๆ เพื่อที่ผู้นวดจะได้สามารถอธิบาย ให้แก่คนไข้ได้ผู้นวดต้องรู้ด้วยว่า จุดไหนกตได้และจุดใหน กดไม่ได้รู้อันตรายต่างๆ เพื่อที่จะได้ไม่นวดผิดพลาด
จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายลูกค้า โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ในออสเตรเลียมีเข้มงวด และมีบทลงโทษรุนแรง ดังนั้นผู้นวดจะต้องศึกษาและระวัง เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ในการทำงานจนนำมาสู่ การถูกฟ้องทั้งต่อตัวผู้นวดและร้านนวดด้วย
ฉบับหน้าอาจารย์จะพูดถึงอาการทั่วไปต่างๆ ที่เกิดกับตัวลูกค้าและจะพูด ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง การทำงานของสมองกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย