Home บทความอยู่ออส นักการทูต ท่านกงสุลใหญ่เกียรติคุณ ชาติประเสริฐ

นักการทูต ท่านกงสุลใหญ่เกียรติคุณ ชาติประเสริฐ

by ChaYen
Kittikun cover

นักการทูต ท่านกงสุลใหญ่เกียรติคุณ ชาติประเสริฐ บรุษผู้ไม่เคยปฏิเสธคำขอร้องหรือคำเชื้อเชื้ญ คนไทยในซิดนีย์ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสวัยรุ่น หรือหนูน้อยวัย5-6 ขวบ คงจะมีน้อยคนที่ไม่รู้จัก ท่านกงสุลใหญ่ บรุษผู้ไม่เคยปฏิเสธคำขอร้องหรือคำเชื้อเชื้ญ

จากใคร…เรามักจะเห็นท่านไปร่วมงานต่างๆ ของชุมชนไทยเกือบทุกงาน…ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานอะไร…จัด ณ สถานที่แห่งใด…ระยะทางจะยาวไกลสักแค่ไหน…ไม่ว่าจะเป็นวันและเวลาใด แม้แต่ในวันหยุด หรือในยามวิกาล จะดึกดื่นคํ่ามืดสักเพียงไหน หากท่านไม่ติดภาระกิจทางราชการแล้ว เราก็จะเห็นท่านไปร่วมงานต่างๆ ของชุมชนไทยในซิดนีย์ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ และในการไปร่วมงานต่างๆ เหล่านั้น บ่อยครั้งเราก็มักจะได้เห็นท่านกงสุลใหญ่ ทําเซอร์ไพรส์ให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ไปร่วมงานเสมอๆ

Kittikhun

ในโอกาสที่ท่านกงสุลใหญ่เกียรติคุณ จะครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ที่นครซิดนิย์แห่งนี้และก่อนที่จะอำลากัน วีอาร์ไทยได้มีโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยกับท่านแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ทำให้เราได้ทราบเรองราวต่างๆ เกี่ยวกับตัวท่านและแนวคิดในการทำงานของท่านอย่างที่ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับใครมาก่อน

ในบรรยากาศเป็นกันเอง สบายๆ ยามเย็น บริเวณริมนํ้า ณ บ้านพักของท่านในย่าน Mosman วีอาร์ไทยได้มีโอกาสพูด คุยกับท่านกงสุลใหญ์ในหลายเรื่องด์วยกัน เรื่องแรกซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องที่พวกเราส่วนใหญ่คงอยากที่จะทราบกันก็คือ ชีวิตนักการทูตนั้นเป็นอย่างไร และทำไมท่านจึงเลึอกอาชีพนักการทูต

นักการทูต

สาหรับคำถามนี้ท่านได้ อธิบายว่า นักการทูตคือผู้ที่มี่หน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธัของไทยกับประเทศที่เราไปประจำการ ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี ของไทยในทุกๆด้าน รวมทงส่งเสริม ผลประโยชนของคนไทยในต่างประเทศ เหล่านี้คือหน้าที่หลักของนักการทูต

สําหรับตัวท่านนั้นที่เลือกอาชีพนักการทูตก็เพราะท่านมี ความภาคภูมิใจในคุณพ่อ ซึ่งเป็นเด็กยากจนจากต่างจังหวัด แต่ก็สามารถไต่เต้าจนได้เป็นเอกอัครราชทูตไทย ในหลายประเทศและโดยที่เป็นลูกคนโตท่านจึงอยากเจริญรอยตามคุณพ่อ

นักการทูต

จริงๆ แล้วอาชีพนักการทูตไม่ได้โก้หรูหรือสุขสบายเหมือนในนิยายอย่างที่พวกเราบางท่านเข้าใจกัน ผู้ที่มีอาชีพเป็นนักการทูตจะต้องเสียสละในเรื่องชีวิตครอบครัว เพราะเราต้องโยกย้ายสับเปลี่ยนไปประจําอยู่ในประเทศต่างๆ ซึ่งมีขนบธรรมเนียม ประเพณีและวฒนธรรมที่แตกต่างกัน เราและครอบครัวต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวอยู่ตลอดเวลา

ก่อนจะมาประจําที่ซิดนี่ย์ผมเคยไปประจําที่นครกวางโจว ประเทศจีน เป็นระยะเวลา 4 ปีตั้งแต่สมัยที่ความเป็นอยู่ในจีนยังยากลําบาก ไม่เจริญเหมือนทุกวันนี้ ต่อจากนั้นผมก็ไปประจําที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียอีก 4 ปีซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละแห่ง แม้ว่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้รับประสบการณ์ต่างๆ ที่หลากหลาย แต่เราก็ต้องปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน

นักการทูต

สําหรับผมอาจโชคดีหน่อยที่เติบโตมาในครอบครัวนักการทูต จึงได้เห็นแบบอย่างการทํางานและการปรับตัวมาจากคุณพ่อและตอนเด็กๆ ผมเองก็ได้เคยติดตามครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ แต่สําหรับลูกชายของผม ผมบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยสําหรับเด็กตัวเล็กๆ ที่จะต้องย้ายตามครอบครัวไปที่ต่างๆอยู่ตลอดเวลา

การโยกย้ายแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้ายจากประเทศไทยไปประเทศอื่น หรือการย้ายจากประเทศอื่นๆกลับประเทศไทย ลูกชายผมตองเสียน้ำตากับการพลัดพรากเสมอ และการเรียนที่ไม่ต่อเนื่องเหมือนเด็กวัยเรียนทั่วไป ก็เป็นสิ่งยากลําบากมากสําหรับเขา

”ผมอยากเห็นชุมชนไทยในซิดนีย์สามารถรวมตัวกันได้เป็นปึกแผ่น เป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งไม่น้อยหน้าชุมชนอื่นๆ จน ‘ไทยทาวน์’ ของเราเป็นที่โด่งดังเป็นที่รู้จักของชาวออสเตรเลียและนักท่องเที่ยวอย่างกว้างขวาง ”

ชาเย็น
นักการทูต

สําหรับการมาปฏิบัติหน้าที่ที่ซิดนีย์นี้ท่านเล่าให้ฟังว่าเป็นความโชคดีของท่าน เพราะตอนแรก ท่านได้ทราบว่าจะมีเพื่อนข้าราชการท่านอื่นได้รับการแต่งตั้งให้มาประจําการที่นี่ และตัวท่านจะต้องไปประจําการที่ประเทศอื่น แต่คงเป็นโชคชะตานําพาก็เป็นได้ที่อยู่ๆเพื่อนข้าราชการท่านนั้น ได้รับการแต่งตั้งให้ไปประจําที่ประเทศอื่น ส่วนท่านได้รับการแต่งตั้งให้มาที่นี่แทน

ที่ผมบอกว่าเป็นโชคชะตาก็เพราะจริงๆ แล้วผมรู้สึกผูกพันกับประเทศออสเตรเลียมาตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อผมท่านชื่นชอบประเทศนี้มากและใฝ่ฝันที่จะได้มาประจําการที่ประเทศนี้ ท่านจึงได้ตั้งชื่อเล่นผมว่า “จิงโจ้” แต่ต่อมาเมื่อผมโตขึ้นก็เรียกกันแค่ “โจ้” เพราะชื่อ “จิงโจ้” มันจะดูน่ารักน่าเอ็นดูเกินไป ไม่เหมาะกับตัวผม

นักการทูต

และพอถึงตอนเรียนปริญญาโท ผมก็โชคดีได้รับทุนมาเรียนต่อที่ Australian National University (ANU) ที่กรุงแคนเบอร์รา มันจึงทําให้ผมรู้สึกผูกพันกับประเทศนี้มากขึ้น และเมื่อผมทราบว่าได้รับแต่งตั้งให้มาดํารงตําแหน่งกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ ผมจึงรู้สึกดีใจมาก เพราะถือเป็นการสานต่อในสิ่งที่คุณพ่อของผมได้เคยใฝ่ฝันไว้

ท่านกงสุลใหญ่เล่าให้ฟังต่อไปว่า กระทรวงการต่างประเทศให้ความสําคัญกับซิดนีย์ เพราะเป็นเมืองที่มีคนไทยอยู่เป็นจํานวนมากร่วม 35,000 คน หน้าที่หลักของสถานกงสุลใหญ่ นอกจากงานด้านการทูตโดยทั่วไปแล้ว หน้าที่สําคัญอีกประการหนึ่งคึ่อการดูแลผลประโยชน์ของคนไทย ในรัฐนิวเซาท์เวลส์และการเสริมสร็างชุมชนไทย ให้เข้มแข็ง

นักการทูต

สําหรับท่านกงสุลใหญ่เกียรติคุณแล้วท่านจะให้ความสําคัญกับงานด้านชุมชนไทยเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ทีมไทยแลนด์ในซิดนีย์อันประกอบด้วย สํานักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (Thai Trade Center) สำนักงานส่งเสริมการลงทุน สํานกงานส่งเสริมการท่องเที่ยว และบริษัทการบินไทยจํากัด (มหาชน) ก็ล้วนให้ความสําคัญกับงานด้านชุมชนไทยด้วยเช่นกัน

ดังนั้นในช่วงสี่ ปี่ ที่ผ่านมาพวกเราทีมไทยแลนด์ จึงได้เข้ามาร่วมและสนับสนุนกิจกรรมตาางๆ ของชุมชนไทยมากขึ้น เช่น การส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาและวัฒนธรรมไทยสําหรับเยาวชนไทยในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เพื่อให็ลูกหลานของเรามีความสํานึกและภาคภูมิใจในความเป็นไทย การเผยแพร่และทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา การส่งเสริมให้สมาคมและกลุ่มต่างๆ มาจัดกิจกรรมร่วมกัน เช่น งานเทศกาลและการแข่งขันกีฬาต่างๆ

Kittikhun

ซึ่งที่ผ่านมาผมถือว่าประสบความสําเร็จในระดับหนึ่ง และผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุมชนไทยในซิดนีย์ จะใช้ศักยภาพที่แต่ละกลุ่มมีอยู่มาร่วมกันสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ให้เป็นที่ประจักษ์ถึงพลังความสามัคคีของคนไทยในซิดนีย์ต่อไป ผมอยากเห็นชุมชน ไทยในซดนิย์สามารถรวมตัวกันได้เป็นปึกแผ่น เป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งไม่น้อยหน้าชุมชนอื่นๆจน ‘ไทยทาวน์’ ของเราเป็นที่โด่งดังเป็นที่รู้จักของชาวออสเตรเลียและนักท่องเที่ยวอย่างกว้างขวาง และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

ผมเห็นว่าน่าจะเชิญชวนและส่งเสริมให้เยาวชนหรือคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นกําลังสําคัญในอนาคตเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมของชุมชนให้มากขึ้น โดยมีผู้ใหญ่ที่มี่ ประสบการณ์ คอยให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจ และหากเราสามารถรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกันได้ผมเชื่อว่าความหวังของพวกเราคงไม่ไกลเกินเอื้อม

Kittikhun

สำหรับอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่นั้นท่านมี ความเห็นว่า เป็นเรื่องปกติที่การทางานจะมีอุปสรรคหรือมื คนติติงบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ย่อท้อหรือหมดกำลังใจในทางตรงข้าม ผมก็นำข้อวิจารณ์หร์อข้อเสนอแนะมาพิจารณาร่วมกันกับเพื่อนร่วมงาน และหากเราเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่ดีและสามารถดําเนินการได้เราก็นำมาปฏิบัติ

แต่สำหรับบางเรื่องที่อาจยังมีผู้ไม่เห็นด้วยหรือไม่เข้าใจถองแท้ เราก็มีหน้าที่ ที่่จะต้องพยายามอธิบายชี้แจงและดำเนินการให้ประสบผลสําเร็จเพื่อให้เป็นที่เข้าใจและยอมรับต่อไป อาจเป็นการยากที่ผมจะทำอะไรให้ถูกใจทุกคนได้แต่ผมก็ได้พยายามเลือกทําในสิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าใจและยอมรับ โดยมุ่งผลประโยชน์ ส่วนรวมเป็นสําคัญ อย่างไรก็ตาม หากผมได้ทำอะไรที่อาจไม่ถูกใจบางท่าน ผมก็ขอถือโอกาสขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

Kittikhun

ก่อนจบการสัมภาษณ์ ท่านกงสุลใหญ่ได้ฝากขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่สถานกงสลใหญ่ ทีมไทยแลนด์ ประจำนครซิดนิย์ตลอดจนทุกๆท่านที่ได้ สนับสนุนและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ของท่านด้วยดีมาโดยตลอด รวมทั้งขอบคุณสําหรับกําลังใจและความปรารถนาดีที่มีต่อตัวท่านและครอบครัวเสมอมา ซึ่งทำให้ช่วงเวลา 4 ปีในซิดนีย์ของท่านเป็นความทรงจําดีๆที่ท่านจะจดจํามิตรภาพและความผูกพันนี้ตลอดไป ดั่งความหมายของเพลงที่ว่า…
“…วันเวลาดีๆ เหล่านนั้น …ยังคงจำมันได้ไหม …วันที่เคยร่วมทุกข์และสุขจนล้นหัวใจ…วันที่เราได้ผ่านมาด้วยกัน…ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านพ้นไป…แต่ในใจเรา…ก็จะมีกันและกันตลอดไป…ก็เพราะหัวใจเราผูกกัน…”

Kittikhun

วีอาร์ไทยก็จะจดจํา นักการทูต ท่านกงสุลใหญ่เกียรติคุณ ชาติประเสริฐ มิตรภาพและความผูกพันที่ดีเหล่านี้ตลอดไปเช่นกัน

Related Articles