น้าตุ๋ย อมรรัตน์ จันต๊ะ ที่ใครๆ ในซิดนีย์รู้จักเธอคนนี้คือบทพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า ผู้หญิงคนนี้มีส่วนผสมนั้นอยู่ครบถ้วนและไม่เคยจางหายไปไหนตลอดสายอาชีพงานร้านอาหาร 23 ปีของร้าน “ชาติไทย”
อมรรัตน์ จันต๊ะ ชีวิตคิดบวก
การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จนเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงกว้างของสังคมนั้น คงไม่ได้มาจากเรื่องของโชคชะตาแต่เพียงแค่อย่างเดียว หากแต่คนๆนั้นจะต้องมีความขยัน อดทนและรู้จักพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา

น้าตุ๋ย” ที่ใครๆ ในซิดนีย์รู้จักเธอคนนี้คือบทพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า ผู้หญิงคนนี้มีส่วนผสมนั้นอยู่ครบถ้วนและไม่เคยจางหายไปไหนตลอดสายอาชีพงานร้านอาหาร 23 ปีของร้าน “ชาติไทย” ที่ไม่เคยหยุดนิ่งมีการพัฒนาในด้านอาหารที่น่าสนใจแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ๆ ได้เจริญรอยตามเธอจนทุกวันนี้

ช่วยเล่าเรื่องราวให้ฟังหน่อยครับว่ามาเป็นน้าตุ๋ยทุกวันนี้ได้อย่างไร
น้าตุ๋ยเรียนจบด้าน Commerce ที่เซนต์จอห์นแต่ไม่เคยคิดอยากทำงานด้านเลขาฯตามที่เรียนจบมา กลับมาสนใจทางด้านอาหารมากกว่าตั้งแต่เป็นเด็ก สมัยที่จบมาใหม่ๆตอนนั้นคุณพ่อเป็น ผู้จัดการใหญ่ในโรงงานอุตสาหกรรมทอผ้าที่ค่อนข้างใหญ่ เราอยู่บ้านพักในโรงงานตั้งแต่เด็กติดกับหอพักคนงานในนั้น

เราเลยอาศัยความที่เป็นลูกผู้จัดการ ก็คิดเปิดร้านทำอาหารตามสั่งขายในบ้านของเราเอง น้าตุ๋ยเป็นคนทำเองทุกอย่าง ซึ่งขายดีมากแบบชนิดที่ว่าต้องมาสั่งจองกันล่วงหน้า สาเหตุอาจจะเป็นเพราะน้าจะเป็นคนปราณีตเรื่องอาหาร ทุกอย่างต้องเป็นของดีและสะอาดไม่เคยคิดว่าลูกค้าจะเป็นแค่คนงานโรงงาน
จนร้านอาหารใน “สโมสร” ร้านอื่นๆ ที่เสียค่าเช่าขายไม่ได้ น้าตุ๋ยเลยรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว่าตนเองทำไม่ถูกพวกเค้าเสียค่าเช่า เลยตัดสินใจมาที่ซิดนีย์มาหาเพื่อนและน้องชาย

งานแรกที่นี่คือมาเริ่มทำงานเย็บผ้าทั้งๆ ที่ตัวเองเย็บผ้าไม่เป็น แต่เพราะอยากได้งานกลัวตกงานก็ต้องพยายามทำให้ได้ แต่ใจก็ยังคงคิดอยากจะกลับไปทำงานด้านอาหารอยู่ตลอดเวลา จนต่อมามีเพื่อนเห็นว่าเราขยันและอยากทำร้านอาหาร เลยชวนไปสมัครร้านอาหารไทยชื่อร้านอู่ทอง ได้ทำงานในครัวมีความสุขมาก
หลังจากนั้นประมาณ 5 ปีก็ออกมาจากร้านอู่ทองได้ซักพักก็มาหาประสบการณ์กับฝรั่งบ้าง ในร้าน McDonald ได้อะไรมากมายจากรั้วมหาวิทยาลัยแมคโดนัลนี้ ได้ระบบการทำงาน ได้ภาษาที่แข้มแข็งขึ้น จนถึงเวลาที่เราควรจะเริ่มธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็เริ่มทำร้านอาหารไทยกับ Partner เมื่อ 23 ปีที่แล้วก็คือร้าน “ชาติไทย” ประสบการณ์ต่างๆก็ได้นำมาใช้

ในการจัดการแข่งขันกีฬา และช่วยงานหน่วยงานราชการ
ที่จริงแล้วมีงานที่น้าสนับสนุนแรกเลยที่คนไม่ค่อยทราบคือ “เรื่องห้องดนตรี” ช่วงที่น้าตุ๋ขายข้าวแกงอยู่ที่ทาว์นฮอลล์ก็สังเกตเห็นเด็กๆ ที่เป็นลูกค้าเราหลายคนสะพายเครื่องดนตรีมา แต่ไม่มีที่ซ้อม พอดีน้าตุ๋ยรู้จักอาจารย์คนหนึ่งที่เป็นอาจารย์อยู่ที่ Kent Institute เขาบอกมีห้องว่างอยู่ใต้ตึกอยู่แถวๆ ในเมือง อาจารย์ท่านนี้ก็ติดต่อจนได้ห้องเอามาซ้อมดนตรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนน้าตุ๋ยก็สนับสนุนเครื่องดนตรีซื้อแอมพลิฟลายเออร์ ไมโครโฟน คอมพิวเตอร์ ไว้สำหรับทำเพลง พร้อมกลองหนึ่งชุดไว้ให้ในห้องนี้
ตอนนั้นก็คิดแทนผู้ปกครองของเด็กเหล่านั้นที่เป็นรุ่นลูกเราว่า…สนับสนุนในสิ่งที่เค้ารักเค้าชอบพวกเค้าก็จะมีอะไรทำไม่ไปเกเรหรือคิดติดยาที่ไหน และที่สำคัญเด็กๆ เหล่านั้นก็เป็นผู้ให้กับเรามาก่อนเป็นผู้อุดหนุนทานอาหารที่ร้านเรา เราก็คิดคืนอะไรไปให้กับพวกเค้าบ้าง

ส่วน Chat Thai Cup นี่มาทีหลัง โดยมีความคิดมาจากอู๊ด เด็กในร้าน เขามาเสนอว่า อยากจัดฟุตบอลและอยากให้น้าช่วย น้าตุ๋ยก็เออออไป พอดีช่วงนั้นต้องกลับเมืองไทยด้วย เลยปล่อยให้เด็กๆ จัดการ เขาเลยใส่ชื่อเสร็จสรรพว่าเป็น “ชาติไทยคัพ” พอเรากลับมาจากไทยก็แปลกใจว่า ชาติไทยคัพได้รับการตอบรับดีอย่างไม่น่าเชื่อ ก็เลยจัดมาเรื่อยๆและทำให้ดี

โดยครั้งต่อๆ มาก็มีผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ ที่ซิดนีย์เต็มใจมาร่วมด้วยช่วยกันอย่างไม่เคยปรากฏ โดยเฉพาะคุณวิทย์ เอเดน ที่เป็นสปอนเซอร์ร่วมกันมาตั้งแต่ต้น ส่วนงานราชการการเราก็มีส่วนร่วมบ้าง แต่ที่ภาคภูมิใจมากที่สุดก็คือการจัดงานหาเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ที่มีชื่องานว่า “ซื้อขายให้ทั้งหมด” น้าตุ๋ยเป็นคนคิดธีมนี้และตั้งชื่อเอง ณ ขณะนั้นเราอยู่นิ่งเฉยไม่ได้กับความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมชาติและจะทำอย่างไรให้ได้เงินมามากด้วยเวลาอันสั้น ก็เลยคิดธีมนี้ขึ้นมาใช้เวลาบอกกล่าวกันแค่ 6 วันในโลกออนไลน์เท่านั้น

ติดต่อเช่าห้องประชุมในโรงแรม Metro แล้วก็มีคนเอาของมาขายและซื้อกันกันมากมายเพียงแค่วันเดียววันนั้นได้เงินมาทั้งซื้อและขายที่ทุกคนร่วมใจให้กันทั้งหมดที่ $32,810 ค่ะ ซึ่งมีเวลาวางแผนและประชาสัมพันธ์แค่อาทิตย์เดียวแต่ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ก็ภูมิใจนะคะคนไทยเราไม่เคยทิ้งกันจริงๆ
”สร้างสังคมให้มันดี ให้มันน่าอยู่ที่สุด มีปัญหาก็รีบแก้ปัญหาก่อนที่มันจะเรื้อรัง การช่วยกันสร้างสังคมให้ดีนั้นต้องเสียสละและอดทน ในสังคมมันเป็นเรื่องธรรมดาว่าอาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ถ้าเราคิดว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เปลี่ยนทัศนคติ ทุกอย่างก็จะคลี่คลายกันไปในทางที่ดีด้วยตัวของมันเอง ปัญหาของมนุษย์ก็คือ ทนไม่ได้ ถ้าใครพูดถึงเราไม่ดี จะโกรธและโมโห ”

มีแนวความคิดในการจัดการพนักงานที่เป็นองค์กรใหญ่อย่างไรครับ
นี่คือคำถามยอดฮิตเลยนะ เพื่อนและน้องๆ ที่เป็นเจ้าของกิจการมักจะมาถามกันเรื่อยๆ ถึงปัญหานี้ สำหรับน้าแล้วจะต้องตั้งโจทย์และแก้โจทย์นี้ให้ได้เสียก่อน.. “จะอยู่ด้วยกันอย่างไรให้มีความสุขทั้งเค้าและเรา” ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อนมองบวกค่ะ
แน่นอนบางครั้งบางปัญหาดูเหมือนเป็นทางตันแก้อย่างไรก็ไม่ออก จริงๆแล้วเราไม่ได้มองที่ตัวเรา เพียงแค่คิดแก้ไขที่ตัวเราปรับตัวเราก่อน ปัญหาอยู่ที่ใจค่ะว่าจะให้มันใหญ่หรือให้มันเล็ก

น้าตุ๋ยพูดได้เต็มปากค่ะว่าเป็นคนไม่ยอมมีศัตรู ถ้าเกิดเรามีปัญหาเราจะเข้าไปหา เข้าไปขอคุยการคุยปรับความเข้าใจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่าเก็บไว้ในใจและสร้างมโนภาพไปเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญนะคะมันจะหนัก และร้อนรุ่มอยู่ในใจเอามันออกมาค่ะ หลักการที่ใช้และสอนพนักงานเป็นประจำคือ ลดธิฐิ ให้อภัย ให้โอกาส ขอโทษ พร้อมปรับปรุง โกรธได้ค่ะแต่ต้องหายให้เร็ว เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ไม่พูดกันข้างหลัง พูดเพื่อสร้างสรรค์ ไม่พูดเพื่อยุยง และแบ่งปันค่ะ

น้าตุ๋ยมีหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ มีร้านอาหาร แต่เด็กของเราจะรู้กันค่ะว่าน้าของพวกเค้าไม่เคยคิดจะอาศัยสิ่งเหล่านี้มาเป็นอาวุธของตัวเอง ถ้าเกิดปัญหาเราเลือกที่จะเป็นฝ่ายถอยและเก็บตัวเงียบค่ะ ทำอย่างไรเพื่อให้สังคมมันดีที่สุด การยอม เงียบบ้าง ไม่ต้องต่อสู้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เมื่อถึงเวลาแล้วเราก็จะเข้าไปหาผู้นั้นๆ ได้ด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้วทุกอย่างก็จะดีตามมาเอง ปัญหาของมนุษย์ก็คือทนไม่ได้ถ้าใครพูดถึงเราไม่ดีจะโกรธและโมโห เราต้องถูก ฉันต้องชนะ ฉันต้องดีต้องเด่นกว่าคนอื่น ลองคิดกลับกันเราอาจจะเป็นผู้ผิดบ้างก็ได้ ยอมรับผิดบ้างก็ได้ ยูเทิร์นคิดกลับกันไปเลยค่ะลองปฎิบัติดู

ทำทั้งหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ ร้านอาหาร ขายตั๋วเครื่องบิน แล้วยังอยากจะทำอะไรอีกมั้ย
คิดว่าร้านชาติไทยจะไม่เปิดสาขาอื่นแล้วในซิดนีย์ สำหรับตัวเองแล้วก็คิดว่าน่าจะพอ ชาติไทยเปิดมาแล้ว 23 ปี พนักงานที่อยู่กับเรานี่บางคนก็เป็นลุงแล้ว คนที่อยู่เกินสิบปีนี่เยอะมาก อยู่กับเรานานลูกน้องบางคนเขาอยากโต เขาก็ออกไปเปิดกิจการของตัวเอง แต่บางคนที่เขายังอยู่กับเรา เราก็อยากให้เขามีโอกาส เลยคิดว่าต่อไปนี้ถ้าเรามีโอกาสสร้างกิจการอะไรเพิ่ม ก็อยากให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมด้วยค่ะ

จากที่ผ่านมามีคนมาขอซื้อ Franchise มากจากทั่วทุกที่แต่เราปฎิเสธมาโดยตลอด และตาม Shopping Centre ต่างๆ ก็มาเสนอให้เราไปทำอยู่ตลอดเวลาส่วนมากก็จะปฏิเสธไปค่ะ แต่มีอยู่ที่หนึ่งที่เรา ปฏิเสธไม่ลงจริงๆ คือในฟู้ดคอร์ทที่ Myer ใจกลางเมืองเพราะสถานที่นี้เราอยากทำมานานแล้ว ตอนนั้นเรายังไม่มีโอกาส แต่ตอนนี้เขามาชวนเราก็เลยตอบตกลง ร้านตรงนี้จะเป็นแบรนด์ใหม่ จะเป็นร้านที่น้าตุ๋ยทำกับเด็กของเราเองค่ะ จะใช้ชื่อร้านว่า “สโมสร” ค่ะ

ส่วนร้านโกรเซอรี่ “เจริญชัย” นี่ก็เช่นเดียวกันจะมีหุ้นส่วนเป็นลุงเหลียวจากร้าน “เกสร” ที่เหลือก็จะเป็นเด็กๆในร้านประมาณสิบคนได้ Concept ของร้านก็จะเป็น Grocery ไทยเรานี่ล่ะค่ะอีกด้านหนึ่งจะเป็น coffee shop แปลกใหม่แบบไทยๆผสมผสาน ถือเป็นงานใหม่สำหรับพวกเราค่ะ ทีมเด็กๆกลุ่มนี้ส่วนมากอยู่กับเราเกิน 10 ปีค่ะเป็นทีมที่ดีทำงานมีประสิทธิภาพ

ไปออกรายการและลงหนังสือของที่นี่
อ๋อ (หัวเราะ) นิตยสาร Feast เขาติดตามเรามานาน ก็มาขอสัมภาษณ์และให้ทำสูตรอาหารไทยที่ง่ายๆใครๆก็กิน เราก็ทำให้ไปพอนิตยสารเขาออกแล้วมีคนติดตามเยอะเค้าก็ขออนุญาตินำเราไปออกสื่อโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์หนังสือ ส่วนมากสื่อต่างๆจะมาหาเราเองค่ะ ซึ่งตอนนี้ทาง Feast ก็มาขอให้เราทำสูตรอาหารลงในช่วงสงกรานต์โดยเป็นธีมอาหารไทยในช่วงสงการณ์ก็คงจะออกในช่วงสงการณ์ปีหน้าค่ะ จนตอนนี้เลยกลายเป็นเพื่อนสนิทสนมกันไปเลย พอทางไทยเรามีงานอะไรเราก็บอกกล่าวเค้าเช่นงานวัดของเราก็ถามว่าเค้าสนใจไหมเค้าก็ส่งคนมาทำสกู๊ปดีมากเลยค่ะ

ความสำเร็จในชีวิตที่ได้มา คิดว่ามาจากอะไรครับ
เดินไปกับโอกาสซะมากกว่า เป็นคนขยัน เป็นคนที่ไม่ชอบหยุดนิ่ง เป็นคนที่ต้องมีอะไรทำอยู่ตลอดเวลา ชอบทำงานหนักและท้าทาย ชอบอ่านหนังสืออ่านเรื่องทั่วไป ชอบศึกษาและเรียนรู้ไปเรื่อยๆ แล้วก็ยอมให้ทุกอย่างเป็นครู คือต้องไม่ถือว่าตัวเองเก่ง ไม่ถือว่าเราต้องเป็นทุกอย่าง แม้กระทั่งในร้านอาหาร น้าตุ๋ยก็ไม่คิดว่าน้าตุ๋ยต้องเก่งทุกอย่าง แต่เราต้องจัดคนให้เป็น ต้องยอมเป็นลูกศิษย์กับประสบการณ์

อยากฝากอะไรให้ผู้อ่านดีครับคิดบวกล่ะค่ะ มองกันในแง่ดี สร้างสังคมให้มันดี ให้มันน่าอยู่ที่สุด มีปัญหาก็รีบแก้ปัญหาก่อนที่มันจะเรื้อรัง การช่วยกันสร้างสังคมให้ดีนั้นต้องเสียสละและอดทน ในสังคมมันเป็นเรื่องธรรมดาว่าอาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ถ้าเราคิดว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เปลี่ยนทัศนคติ ทุกอย่างก็จะคลี่คลายกันไปในทางที่ดีด้วยตัวของมันเอง จากที่มีประสบการณ์ไปเจอสังคมไทยในหลายๆ ประเทศมา น้าตุ๋ยคิดว่า สังคมคนไทยในซิดนีย์เรารักใคร่กลมเกลียวและดีต่อกันน่าอยู่ที่สุดแล้วค่ะ