บริษัทนำเข้าสินค้าไทย BKK Australia

บริษัท BKK Australia ซึ่งเป็น บริษัทนำเข้าสินค้าไทย ที่ใหญ่ที่สุดของ New South Wales และก่อตั้งมานานกว่า 30ปีแล้ว คุณสุนีย์ คำพูน ที่ริเริมธุรกิจ Grocery Thai ในออสเตรเลียคนแรกๆ

วันนี้เราจะพาไปรู้จักเธอ ไปสัมผัสในมุมมองควาทคิด เบื้องหลังที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเรามั่นใจว่า จะเป็นแรงบัลดาลใจผลักดันความคิดให้กับคนรุ่นหลังอีกหลายๆคน

สำหรับสินค้าของไทย เราเป็นตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวในออสเตรเลียก็มี ซอสตราภูเขาทอง นํ้าพริกแม่ศรี ผลิตภัณฑ์แลคตาซอย ผลิตภัณฑ์ ตราเด็กสมบูรณ (หยั่นหว่อหยุ่น ) สินค้าพื้นฐานเรามีหมดแล้ว ที่ประสบ ผลสำเร็จสูงสุดเห็นจะเป็นเรื่องข้าวหอมมะลิตราสิงห์ นี่แหละ

ดิฉันเป็น MD (Managing Director) ค่ะ มีหน้าที่เลือกพิจารณาสินค้าทุกตัวที่ สั่งเข้ามา และดูแลการตลาดด้วย อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ดิฉันเพียงผู้เดียว เราต้องมองหาช่องทางการขายใหม่ๆ ต้องเลือกสินค้าที่อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ต้องเน้นขายเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ทุกคนก็ใฝ่ฝันที่จะเอาสินค้าของตัวเองเข้าไปใน ซูปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ซึ่งมันทำให้สินค้าของคุณโตไว อย่าง Woolworths เขามีสาขากว่า 700 สาขา สินค้าเราสามารถเข้าไปได้ทุกที่ ช่วงแรกเขามาติดต่อเพื่อนำสินค้าไปขาย ถึง 65 รายการ แต่ยอดขายไม่ดีก็ถูกตัดออกจนเหลือแค่ 5-6 รายการ สาเหตุที่แท้จริงก็เพราะคนที่ดูแลเขายังไม่เข้าใจตลาดพอ และตั้งราคาของสูงไป ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อที่ ร้านเอเชีย ในราคาที่ถูกกว่า แต่เราก็ไม่ได้คิดจะติดตามสักเท่าไหร่ เพราะการเอาสินค้าเข้า Woolworths มันมี Margin ตํ่า Trading term สูงซึ่งหมายถึงเราได้กำไรตํ่า แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ สูง เช่น ค่าทำโปรโมชั่นทุกๆ 6 เดือน

นอกจากนั้นพอสินค้าเราติดตลาด เขาก็จะผลิตสินค้าเลียนแบบติดยี่ห้อของตัวเองมาแข่งกับเรา อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์นํ้ามันหอยของ Lee Kum Kee ที่ Coles ก็ทำมาขายเหมือนกัน สิ่งที่หนักใจอีกอย่างก็คือบริษัทเล็กๆ ประเภท Parallel Import ซึ่งไปซื้อสินค้าตรงจากเมืองไทยแล้ว นำมาขายตัดราคากับเรา ซึ่งเขาคงไม่ค่อยได้กำไร แต่อาศัยเอาสินค้าหลักๆ ดึงดูดความสนใจเพื่อจะได้พ่วงสินค้าตัวอื่นๆ ไปด้วย

ดิฉันจบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจสาขาการตลาด ที่วิทยาลัยเทคโนโลยี และอาชีวะศึกษาจักรพงษ์ภูวนารถ แล้วก็ได้ไปทำงานงานรับราชการอยู่กรมแรงงาน หลังจากแต่งงานแล้วมีแผนจะสอบไปเรียนโทที่นิด้า แตคุ่ณแมสามีเขาก็อยากให้กลับมาอยูด้วยกัน ก็เลยตัดสินใจมาออสเตรเลีย มาใช้ชีวิตที่นี่จนมีลูกชาย 1 คน ปี 1984 จึงเริ่มมาทำงานกับคุณอาของสามีซึ่งก็คือเจ้าของ BKK คนแรกนี่แหละค่ะ

คุณอาเขาเป็นคนริเริ่มที่จะสั่งของไทย เข้ามาขายในตลาดเอเชียตั้งแต่ปี 1980 ดิฉันคิดว่า เขาเริ่มได้ถูกเวลา เพราะคู่แข่งยังน้อย ช่วงแรกที่ดิฉัน มาทำงานที่นี่ก็เรียนร็ทุกอย่าง ทำทุกหนา้ ที่เพื่อให้เรารู้และเข้าใจระบบ งานอย่างแท้จริง กิจการก็เจริญรุ่ง เรืองมาตลอด

จนกระทั่งคุณอาเขาหัน ไปสนใจธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เริ่มจากซื้อที่ทำ BKK Shopping Centre ที่ Cabramatta และ ที่ BKK Shopping Eastlake ซึ่งใช้เงินไปมากกว่า 20ล้าน คุณอาเขาสนใจธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์นี่มากกว่า จึงตัดสินใจขายธุรกิจ บริษัทนำเข้าสินค้าไทย ให้กับเจ้าของใหม่ซึ่งเป็นคนอินโดนีเซียแทน

แม้ว่าจะ เปลี่ยนเจ้าของแล้ว ทางบริษัทเขา ยังให้เราช่วยบริหารงานต่อไป ซึ่งเขาให้อำนาจเราเต็มที่ พนักงานก็อยูกั่นเกือบครบ ส่วนใหญก็อยูมา 15-20 ปี ตัวดิฉันเองปฏิบัติ ต่อผู้ร่วมงานเหมือนพี่น้อง ให้เขารู้ว่าเขาเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งขององค์กรนี้เช่นกัน

ดิฉันทำงานด้านนี้มาร่วม 25 ปี จึงมั่นใจนะคะว่าทิศทางอาหารไทยและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารไทย ยังไปได้ดีและจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆสังเกตได้จาก แบรนด์ใหม่ๆ ที่ออกมาในตลาดมากมาย อย่างข้าวหอมมะลิ ตัวเลขนำเข้าเราเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งสัมพันธ์กันกับประชากร ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ก็น่าจะเป็นดรรชนีชี้นำได้เป็นอย่างดี

อยากจะฝากอะไรกับเด็กรุ่นใหมๆ ว่าอย่าไปยึดติดว่าอาหารไทยต้อง Authentic เท่านั้น มันไม่เกี่ยวว่าประยุกต์แล้ว จะทำให้เอกลักษณ์ของอาหารไทยเสียไป แกงเขียว แกงแดง หรือมัสมั่น เอาไปหมักทำพาย ทำอะไรได้อีกเยอะ ต้องช่วยกันคิด อาหารไทยยังไปได้อีกไกลมากๆ ”สิ่งที่ได้จากคุณสุนีย์ในวันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่มุมมองความคิดที่ทำให้เรารู้สึกว่า เธอเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่มันยังสะท้อนให้เราเห็นอีกว่า เธอยังรัก และสร้างคุณประโยชน์ กับประเทศไทยมากกว่าที่เราคิด