4 ทุ่มสแควร์อำลาช่อง 7 สีไป ทันทีทันใด ผุด รายการ “ตีสิบ” โดยได้เวลาดีเดย์ออนแอร์ ณ วิกพระราม 4. สาระความบันเทิงเพลิดเพลิน และสนุกสนาน ทำให้ได้รับความนิยมสูงสุดมาก เป็นอับดับหนึ่งของ เมืองไทย

หากมีการทำแบบสอบถามร้านดีวีดี ทุกๆร้านใน ซิดนีย์ ว่า รายการอันดับหนึ่ง ที่ลูกค้าสั่งซื้อมากที่สุดคือรายการอะไร แน่นอนเลยว่าจะได้รับคำตอบตรงกัน จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรายการตีสิบ รายการยามดึก ที่ให้ทั้งสาระความบันเทิงเพลิดเพลิน และสนุกสนาน ทำให้ได้รับความนิยมสูงสุดมาก เป็นอับดับหนึ่งของ เมืองไทย รายการตีสิบออกอากาศเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อรายการว่า สี่ทุ่มสแควร์ ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์ประเภท วาไรตี้ทอล์กโชว์ ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบรายการมาตลอดจากวันนั้นถึงวันนี้ จนกระทั่งย้ายวิกมาช่อง 3 โดยเปลี่ยนชื่อรายการใหม่ว่า ตีสิบ (At Ten)
Episode แรกออนแอร์เมื่อวันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ซึ่งออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 22.30 – 00.30 น. เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเต็มๆทางไทยทีวีสีช่อง 3 รายการตีสิบ แบ่งช่วงเวลาของรายการออกเป็น 3 ช่วง คือช่วงแรก ดันดารา เป็นช่วงเวลาที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมทางบ้าน สมัครเข้ามาแสดงความสามารถต่างๆ ของตน ให้ขึ้นมาแสดงบนเวที โดยจะมีการตัดสินผู้ชนะ คือผู้ได้รับคะแนนรวมสูงสุด จากคณะกรรมการ 3 ท่าน คือ อาจารย์เชน จตุพล ชมภูนิช, ครูอ้วน มณีนุช เสมรสุต และ อาจารย์โน้ต เชิญยิ้ม ช่วงนี้ถือเป็นจุดเด่นของรายการ

ช่วงที่สองคือช่วงสนทนา เป็นช่วงเวลาในการพูดคุยกับแขกรับเชิญ ที่น่าสนใจ ที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละสัปดาห์ ด้วยบรรยากาศ ที่เป็นกันเองซึ่งมีทั้งการสนทนากับแขกรับเชิญในห้อง หรือออกไปพูดคุยกันนอกสถานที่ซึ่งได้มีการบันทึกรายการในช่วงนี้ไว้ล่วงหน้า และช่วงสุดท้ายคือฟรีสไตล์ เป็นช่วงเวลาที่นำเสนอคลิปวีดีโอ เรื่องราวสนุกๆ แปลกๆ ตื่นเต้น และน่าสนใจจาก ทุกมุมโลกซึ่งผู้ชมทางบ้านส่งเข้ามาร่วมในรายการ
การบันทึกรายการในแต่ละขั้นตอนการบันทึกรายการนี้ จะมีขึ้นทุกวันจันทร์ ที่ห้องพระราม2 ฮอลล์ (RAMA II Hall) บนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาถนนพระราม 2

วันจันทร์ในสัปดาห์แรกครับ เราพบกับ น้องจอย นริศรา เพ่งชัด พีอาร์คนสวยของตีสิบ น้องจอยเล่าให้เราฟังว่า การอัดรายการวันนี้จะเป็นช่วงดันดาราเท่านั้น ซึ่งจะอัดเผื่อเป็น 2 เทป และจันทร์ต่อไปก็จะอัดช่วงสนทนาและช่วงปิดหัวปิดท้าย 2 เทปเหมือนกัน แล้วนำเอาดันดาราชุดแรกมารวม กับช่วงสนทนาชุดแรกรวมเป็นหนึ่งชุดสำหรับนำาเสนอในสัปดาห์แรก เอาดันดาราชุดที่สองมาประกบกับช่วงสนทนาชุดที่สองเป็นเทปที่จะเปิดในสัปดาห์ต่อไป
‘หากมีการถามร้านดีวีดีทุกๆร้าน ในซิดนีย์ว่า รายการอันดับหนึ่ง ที่ลูกค้าสั่งซื้อมากที่สุดคือรายการอะไร แน่นอนเลยว่าจะได้รับคำาตอบตรงกัน จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรายการตีสิบ รายการยามดึก ที่ให้ทั้งสาระความบันเทิง เพลิดเพลิน และสนุกสนาน’.
งั้น มุขที่ชายหนุ่มสองคนนี้แย่งครูอ้วนก็ ไม่ได้เตี๊ยมกันขึ้นมา ไม่ได้เขียนสคริป เพราะแฟนๆสงสารพี่โน๊ตที่ถูกอาจารย์เชนรังแก

ครูอ้วน: ทำาไมไม่สงสารอ้วนบ้างละพี่ ถูก ผู้ชาย 2 คนนี้รังแก ไม่มีสคริปแน่นอนคะเพราะมันเกิดจากการชงแล้วก็ตบกันไปตามจังหวะ
พี่โน๊ต: วันนี้อยากพูดให้คนเข้าใจเป็น รายการที่ไม่มีสคริป ยืนยันครับ นอกจากไม่มีสคริปแล้วยังไม่รู้เรื่องกันเลย อย่างผมแย่งครูอ้วนกับ อาจารย์เชน ก็เล่นกันไป กระเซ้าเย้าแหย่กันไปคนดูก็อินไปด้วยเราก็บอก เอ มุขนี้มันเวอร์ค ก็ลองดูกันไปมันก็เป็นไปตามธรรมชาติ คนดูเขาชอบอย่างนั้น
อาจารย์เชน: จริงๆครับ ไม่มีการกำาหนดไม่มีการเขียนสคริป เนี่ยตอนนี้ไม่ได้เตรียมอะไรเลยในหัวก็ยังโล่งๆ ไม่มีอะไร ขึ้นไปนั่งบนเวทีแล้วก็ลุยกันเลย เรากำาหนดกันเอง ครูอ้วนเป็นอย่างนี้ พี่โน้ต เป็นอย่างงั้น ผมต้องเป็นแบบนี้ อย่างผมกับพี่โน้ต
การให้คะแนนเรามาแย่งกันตอบดีกว่าใครถูกใครผิด ถ้าเขาตอบเราไม่ตอบ ไม่เลือกคนเดียวกัน มันเป็นโดยอัตโนมัติ

ยังยืนยันอีกนะครับ ไม่มีสคริป แล้วที่อาจารย์เชนเขินหน้าแดงในรายการ
อาจารย์เชน: ผมอายจริง ผมหน้าแดงจริงเป็นเรื่องจริง ผมยังอายเป็น ผมยังมียางครับ (ทำหน้าขึงขังเม้มปากเหมือนอยู่ในจอเลยทีเดียว เรียกเสียงฮาดังลั่นห้อง)
พี่โน๊ต: มียางเหมือนคางคก (เรียกเสียงฮาเป็นคำารอบสอง) เอายังงี้พี่ นี่เค้าซ้อมอยู่นี่กรรมการ อย่างพวกผมนี่ต้องมานั่งหลบอยู่ในนี้เขาไม่ให้เรารู้เรื่องอะไรเลย เมื่อกี้ ผมเข้ารายการมาเหมือนนักโทษเลยนะ ผมโดน 6 คน ประกบหน้าประกบหลังดันเรามาเข้าห้อง มันส่งสัญญาณกันมาเป็นทอดๆ พี่โน๊ตมาแล้วๆ (เอามือป้องปากประกอบ)จะเข้าห้องน้ำามันก็คุมไป ทางทีมงานเขาบอกถ้าเรารู้มันก็ไม่สนุก
VR: ถือว่าเป็นการตอบคำถามแล้วยังครับ
ครูอ้วน: เอ้าดูรายการแล้วก็ลุ้นกันไปแล้วกันคะ เขาบอกว่าถ้าเราจะรักกันก็ไม่ผิดนะคะ รักกันไว้เถิด รักกันเยอะๆ อยากฝากนิดนึงเห็นเราสามคนนั่งหัวเราะๆกัน มันไม่ง่ายนะคะ ทีมงานตีสิบต้องเตรียมงานนานมาก ต้องขอบคุณน้องๆทีมงานทุกคน แล้วก็ Big Boss คุณวิทวัส คะ ที่ให้โอกาศเราในการมีส่วนร่วมในตีสิบ ไว้เจอกันที่ซิดนีย์นะคะพี่ ฝากบอกแฟนๆด้วย

วันจันทร์ในสัปดาห์ที่สอง ในสตูดิโอมีผู้มาให้กำาลังใจกันเยอะมาก ทำไมหรือครับ ก็เพราะมีซูปเปอร์สตาร์ของเมืองไทย พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ มาร่วมรายการสนทนานั่นเอง โดยทีมอัพมากับน้องดา เอนโดฟิน และน้าค่อม ชวนชื่น จะมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับควันหลงหลัง “คอนเสิร์ตสายใยไทย สู่ใจพ่อ” คอนเสิร์ตที่พี่เบิร์ดไปเปิดการแสดงที่แอลเอและนิวยอร์ก
การถ่ายปิดหัวปิดท้ายในวันนี้ น้องเข็ม กฤตธีรา อินพรวิจิตร
น้องเข็ม: วันนี้เข็มมาอัดเปิดหัวเอาไว้ พี่เห็นมั๊ยคะ ช่วงที่ให้เข็มออกมาคนเดียวเป็นช่วงโปรโมทรายการ พอพูดเสร็จเข็มก็จะพูดว่า แต่ตอนนี้นะคะพลาดไม่ได้ ทางด้านโน้น ดันดาราค่ะ แล้วก็ทำมือก็ไปต่อเทปดันดาราที่ถ่ายทำกันวันจันทร์ที่แล้วเลย
แล้วก็ถ่ายเข็มตอนช่วงฟรีสไตล์ตอนปิดท้ายรายการดูวีดีโอคลิปกัน ที่ออกมากัน 3 คน กับพี่ปุ๊ยและคุณวิทวัส ก็จบ

กับ รายการ “ตีสิบ” มีความรู้สึกยังไง ยังจะอยู่กับตีสิบไปอีกนานไหม?
น้องเข็ม: อุ๊ย อันนี้มีคนอยากรู้เยอะม้าก (ยานเสียง) กับรายการตีสิบ ตอนแรกก็บอกลองทำดู 2-3 ปี มันเหมือนกับลืมตาอีกที 8 ปีเข้าไปแล้วคะ เข็มเข้ามาช่วงแรกๆเลยของตีสิบ เข็มเป็นคนที่ 3 เป็นพิธีกรที่อยู่ในรายการตีสิบนานที่สุดทำลายสถิติ มาทำงานเหมือนกับไม่ได้ทำ brief กันก็ขำกันเหมือนอยู่ใน family มีบางทีเขาไปทำงานกันที่ไกลๆ แต่ไม่มีคิวเรา ขอเขาไปด้วย ถ้าไม่ได้ไปเหมือนขาดๆ
ในสายตาแฟนๆ น่ารัก สดใส กุ๊กกิ๊ก ตัวตนจริงๆเป็นอย่างที่เห็นหน้าจอมั๊ย
น้องเข็ม: ไม่ใช่ค่ะ เข็มติ่งต๊อง ยอมรับนะคะว่าช่วงแรกๆที่ทำยังเกร็งๆอยู่ แต่ช่วงหลังๆนี่คือใช่ เลย เป็นตัวเองที่สุด มุขที่เล่นกับพี่ปุ๊ยก็สดๆเลย ด้นกันเองตรงนั้น เผากันเองตรงนั้น ฝากบอกคนไทยใน ออสเตรเลียด้วยนะคะ มีโอกาศอยากไป ไม่รู้เป็นไรจะไปทีไร พลาดทุกที ยังไงก็จะไปให้ได้ก่อนอายุ 45คะ (หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ)
การถ่ายทำดันดารา แค่ออกรายการช่วงสั้นๆต้องใช้เวลาเตรียมการนานขนาดนี้

คุณปุ๊ย: ตอนนี้อีก 5 นาทีจะ 4 ทุ่มครับ เรา มากันตั้งแต่ 8 โมงเช้า เราต้องมาซ้อมผู้ที่จะมาโชว์ เตรียมงานล่วงหน้า 3 วัน เป็นอย่างน้อยทั้งหมดนี่เพื่อดันดารา 45 นาทีครับ จบวันนี้ก็ต้องเตรียมงานสำหรับสัปดาห์หน้า ทำยังไงไม่ให้รายการดูนิ่งเกินไปต้องมีอะไรใหม่ๆมาเสนอทุก week ถ้าเราเบื่อคนดูก็เบื่อ ในทุกๆสัปดาห์ เราพยายามคิด theme ใหม่ๆขึ้นมา จริงๆแล้วสมัครเข้ามาเยอะมาก เอาเฉพาะคนผ่านเกณฑ์มีเป็นหมื่นนะพี่ เราจะหยิบเอา concept ไหน จะ grouping กันยังไง ต้องตีโจทย์ให้แตก แต่เราเก็บใบสมัครไว้หมดไม่เคยทิ้งเพราะเข้า concept เมื่อไหร่เราก็เอาออกมาใช้
เห็นคุณปุ๊ยไปทำดันดาราสัญจรจังหวัดโน้น จังหวัดนี้ ไม่คิดจะไปทำที่ออสเตรเลียบ้างครับ
คุณปุ๊ย: คิดครับ อยากไป ไปคัดเลือกที่โน่นเลย ต้องมีคนมีความสามารถเยอะแน่ๆ ถ้ามีโอกาสได้ไปจริงๆ ต้อง
มีอะไรดีๆติดมือกลับมาแน่ ที่จริงมีคนไทยในต่างแดนสมัครเข้ามาในรายการดันดาราเยอะมาก ผมจะเก็บเข้าแฟ้มไว้ แยก
ประเภทอันนี้นักเรียนนอก อันนี้คนที่ไปประกอบอาชีพที่ต่างแดน อันนี้คนไทยเกิดที่โน่น มีเยอะมีความสามารถในการร้องเพลงมีโชว์อะไรดีๆ
แฟนๆติดใจการออกไปสัมภาษณ์ภาคสนามเพราะพิธีกรเข้าไปคุกคลีจริงๆแล้วก็ซนมากๆ

คุณกิ้งส์: ตอนนั้นปุ๊ยเขาเข้ามาใหม่ๆเป็น วีดีโอแมน เค้าก็เปลี่ยนมาเรื่อยเป็นปุ๊ยพิงคู่กัน (พิง ลำพระเพลิง) จนกระทั่งพิงออกไป ก็มาเป็นปุ๊ยเดี่ยวก็พัฒนามาเป็นดันดารา ไอ้ความที่กิ้งส์ (คุณพ่อชอบดูหนังไวกิ้งส์) เป็นคนไม่อยู่เฉยๆ แล้วอะไรที่เรา
เจอะเจอมาก็เอาไปเล่นในที่ประขุม แล้วตอนนั้นเราก็อยากได้พิธีกรภาคสนามที่เป็นสาวสวย เราก็คิดไปคิดมากิ้งส์เหมาะสมที่สุด (หัวเราะ) พิธีกรคู่นี้ต้องรับลูกกันดี คุณ VT (วิทวัส) ก็หยิบยื่นโอกาสให้อีกครั้ง บอกลองดูไหมละ เวลาแกหยิบยื่นมาแล้วต้องรีบคว้า เพราะเวลาอยากทำามันก็จะสายไปแล้ว ก็ไปได้ดีเพราะกิ้งส์กับปุ๊ยสนิทกันมาก หยอกล้อกันตลอดเวลา
เป็นมนุษย์พันมือทำทุกอย่างในรายการ
คุณกิ้งส์: กิงส์เป็นคนลุยๆ งานทีวีออก อากาศปั๊บได้ทั้งคำาติคำาชมเดี๋ยวนั้นเลย ถ้าทำาไม่ดีวินาทีนั้นรู้เช่นเห็นชาติเลย ทำามานานแล้วตั้งแต่สี่ทุ่มสแคว์โน่น อื้อฮือ เกือบ 20 ปีแล้วซิเรา ทำหมดทุกอย่าง อยากยุ่งกับน้องคนไหนก็เข้าไปยุ่ง
ตอนที่กิ้งส์ทำางานพี่น้อยเห็นมั้ย กิ้งส์ดุมากก (ลากเสียงยาวอธิบายดีกรีของความดุ เรารีบพยักหน้าเพราะกลัวเธอ) ทุกอย่างมันต้องตามเวลาแล้ววันนี้ late ไปหลายๆอย่าง แต่พอหันกลับมาเจอน้องๆนักเรียนเด็กๆทั้งนั้น ต้องรักษาภาพพจน์ เพราะ
ในสายตาเขา เราเป็นคนใจดี แสนซน หันกลับไปหาลูกน้องอีกหน้านึงเพราะเราต้องคุม Production ใหญ่ ต้องออกมาดี