ร้านนวดไทยเล็กๆ Orchid Traditional Thai Massage

ร้านนวดไทยเล็กๆ Orchid Traditional Thai Massage and Therapy แห่งนี้ แม้จะมีสถานที่ไม่กว้างขวางใหญ่โต พนักงานและลูกค้าไม่ได้มีมากมายนัก แต่ร้านนี้เราอยู่กันด้วยความเป็นกันเอง พนักงานอยู่กันแบบครอบครัว

ถ้าพูดถึงความสำเร็จทางธุรกิจ แน่นอนว่าทุกคนคงต้องนึกถึงร้านค้าที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร มีพนักงานมากมาย มีลูกค้าจำนวนมากเข้าออกตลอดทั้งวัน แต่สำหรับร้าน Orchid Traditional Thai Massage and Therapy แล้ว คุณสา สุนิสา กวีวัฒนกร ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยความรู้สึกภูมิใจว่า ร้านเล็กๆ แห่งนี้ แม้จะมีสถานที่ไม่กว้างขวางใหญ่โต พนักงานและลูกค้าไม่ได้มีมากมายนัก แต่ร้านนี้เราอยู่กันด้วยความเป็นกันเอง พนักงานอยู่กันแบบครอบครัว พี่น้อง มีลูกค้าประจำที่หมุนเวียนมาใช้บริการตลอด ร้านเล็กๆ ที่อยู่กันอย่างมีความสุขนี้ก็ถือเป็นความสำเร็จส่วนตัวของคุณสาแล้ว

เริ่มต้นมาเป็นร้านนี้ได้อย่างไร

สาเรียนนวดมาจากวัดโพธิ์ที่เมืองไทยก่อนค่ะ เมื่อมาถึงที่นี่ก็มาทำงานนวดในวันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งที่ร้านเก่าเขาก็สอนปรับท่าให้เหมาะกับลูกค้าที่นี่ เมื่อทำได้ประมาณ 1 ปี มีประสบการณ์มากขึ้นก็คิดอยู่ในใจว่า หากมีเงินจะนำประสบการณ์ที่มีนี้มาเปิดร้านนวดเอง เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเราทำในสิ่งที่ถนัด งานมันก็จะออกมาดี และเราก็มีความสุข ช่วงจังหวะนั้นก็ดูร้าน เลือกทำเลไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร จนกระทั่งมาเลือกที่ตรงนี้

ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะเลือก แค่มาท่องเที่ยว เดินเล่น ชมวิวเฉยๆ เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่เมื่อมองลักษณะพื้นที่ใกล้เคียงประกอบแล้ว มันก็คล้ายกับภูเก็ตบ้านเรา และที่สำคัญคือยังไม่มีธุรกิจร้านนวดบริเวณนี้ ประกอบกับเราได้สำรวจดูคร่าวๆแล้วว่า คนในพื้นที่เขาออกมาใช้จ่ายกันอย่างไร เมื่อเห็นว่าเป็นโอกาส เราจึงติดต่อ ทำสัญญาเช่าค่ะ จากก่อนหน้านี้ที่เคยเป็น Loan Property เราก็มาปรับปรุงสถานที่ ตกแต่งร้าน ใส่ผ้าม่าน สั่งโต๊ะ เตียง เก้าอี้นวดมาเลย ซึ่งจากประสบการณ์แล้ว ฝรั่งเขามีขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่าคนเอเชีย พี่เลยสั่งเตียงไซส์พิเศษกว่าปกติ

มีหลักในการบริหารร้านอย่างไร

เราโชคดีที่ได้ทำเลที่ตั้งค่อนข้างดี เป็นตำแหน่งที่มีผู้คนเดินผ่านตลอดนะคะ แต่ก็ไม่พลุกพล่านจนเกินไป ถือเป็นข้อดีค่ะ เพราะร้านนวดต้องการความเงียบ ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกว่ามาพักผ่อน ในช่วงเปิดร้านใหม่ ทำโปรโมชั่น ก็ได้รับการตอบรับดีมาก หลังจากนั้นก็ใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ร้านจึงเริ่มลงตัว คือหมายถึงว่า มีลูกค้าประจำเข้ามาเรื่อยๆ มีลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น อาศัยการบอกต่อ ทำให้ร้านเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นค่ะ

เหตุผลที่มีลูกค้าประจำร้านเราก็คือ ลักษณะการนวดของเราจะมีการถามลูกค้าก่อนว่าต้องการนวดแบบไหน ต้องการนวดเพื่อผ่อนคลาย ต้องการนวดหนัก หรือต้องการนวดเฉพาะจุด เราจะเลือกทรีทเม้นต์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ไม่ใช่ว่าเราต้องการขายของแพงเสมอไป เราเลือกสิ่งที่เหมาะกับเขาจริงๆ ลูกค้าเขาถึงได้รู้สึกว่าเราไม่ได้มาขายของ เรามาให้บริการด้วยใจค่ะ

ส่วนด้านผลิตภัณฑ์ที่เราใช้นั้น แม้ว่าร้านเราจะเล็ก เราก็ลงทุนเลือกผลิตภัณฑ์ที่แพงหน่อย เลือกอันที่ลูกค้าเห็นแล้วสามารถไว้วางใจได้ เราเลยเลือกของ Jurlique ค่ะ ใช้อยู่หลายตัวด้วยกัน แตกต่างกันไปแต่ละประเภทผิวของลูกค้าค่ะ เราเอามาผสมผสานกับการนวดของเรา ซึ่งเราจะมี Signature massage ของร้านมีอยู่ 2 ตัวก็คือ Thai oil massage เป็นการนวดหนัก ใช้ศอกรีดทั้งตัว ช่วยสำหรับคนที่มีปัญหากล้ามเนื้อและ Aroma oil massage ที่จะใช้การนวดผสมกับ Aroma Oil เพื่อให้ผ่อนคลาย

หัวใจหลักของการบริการ

คือใช้หลักง่ายๆเลยค่ะ ใจเขาใจเรา เราก็เหมือนลูกค้า  ที่เมื่อจ่ายเงินซื้อสินค้าหรือบริการแล้ว เราก็อยากได้รับสิ่งดีๆ คุ้มกับเงินที่จ่ายไป เมื่อลูกค้าจ่ายเงินมาแล้ว เราก็ควรบริการเขาให้เขาได้รับความพึงพอใจที่สุด ซึ่งมันก็เป็นผลระยะยาวที่เขาจะกลับมาใช้บริการหรือแนะนำให้กับครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จักค่ะเราให้ความสำคัญกับทุกเพศทุกวัยนะคะ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้สุงอายุ พ่อแม่มานวดเท้า เด็กมาด้วย ก็นวดเท้าด้วย

เราก็ต้องรู้ระดับความหนักเบาให้เหมาะกับเด็ก ไม่ใช่ว่านวด กดจุดเอาเป็นเอาตาย เด็กก็จะเจ็บ สำหรับผู้สูงอายุ เราก็ดูตามสภาพของร่างกายเขาเป็นหลัก นวดได้ไหม ดัดได้ไหม เป็นโรคอะไรที่เป็นอุปสรรคกับการนวดหรือไม่ บางคนมาแค่สครับ มานวดน้ำมัน ระดับนั้นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว ส่วนมากเขาจะไม่นวดหนักกัน แค่ผ่อนคลายส่วนที่เมื่อยแค่นั้น ถ้าเป็นลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการจะอายุ 20 – 40 ซึ่งจะปวดเมื่อยจากการเล่นเซิร์ฟ เล่นกีฬาซะส่วนใหญ่ ซึ่งจะเน้นการกดจุดและนวดหนักแบบแก้อาการค่ะ

ปัญหาที่พบในธุรกิจร้านนวด

ร้านนวดไทยเล็กๆ เราก็มีเหมือนทั่วไปตามธุรกิจร้านนวดค่ะ มีถามบริการพิเศษ เราทำงานทางนี้มา เรารู้แล้วว่า สมมติถ้าเขาดูราคา มาถามแบบอ้อมๆ เราก็จะปฏิเสธเลยทันที ว่าเรานวดไทยปกติ คือนวดเพื่อสุขภาพนะ ไม่ได้ให้บริการแบบนั้น มีน้อยมากที่จะเดินเข้ามาถามเรื่องนี้ เพราะร้านเราเปิดโล่ง เห็นอยู่แล้วว่า เรานวดกันแบบไหน และที่ร้านเราจะให้ใส่กางเกงนวดไทยด้วย

ลูกค้าบางคนบอก เขาไปเมืองไทยมา ไม่เห็นต้องใส่ ก็เลยต้องบอกเขาดีๆว่า นี่เป็นกฏระเบียบของร้านเราที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งลูกค้าทุกคนก็ทราบและปฏิบัติตาม ก็ขอให้เขาทำตามคนอื่นๆ เหมือนกันค่ะ นวดน้ำมันก็เหมือนกัน ถ้าคุณไม่ใส่กางเกงชั้นในของคุณเอง เราก็มีกางเกงกระดาษให้ โดยทางเราจะแจ้งให้ทราบชัดเจนอยู่แล้ว สิ่งนี้ถือเป็นการให้เกียรติคนนวดด้วยนะคะ

หากลูกค้าทำตามกฏระเบียบนี้ไม่ได้ ก็ถือว่าเขาไม่ได้ให้เกียรติเรามากพอ เราก็ไม่สามารถให้บริการเขาได้ ถ้าจะเสียลูกค้าบางคนไปด้วยเรื่องแค่นี้ก็ไม่เป็นไรค่ะ เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย วันนี้เขาไม่ให้เกียรติเราและยังกำหนดเงื่อนไขกับเราขนาดนี้ วันหน้าอาจก่อความวุ่นวายใจให้เรามากกว่านี้ก็เป็นได้ค่ะ

ส่วนในด้านการแข่งขัน ละแวกนี้มีร้านนวดประมาณ 3 – 4 ร้านนะคะ แต่เราก็ไม่ได้แข่งขันตัดราคากัน ราคาที่มีอยู่จะใกล้เคียงกัน แต่ว่ากลยุทธ์ของแต่ละร้านจะเอาโปรโมชั่นมาเป็นตัวดึงดูดลูกค้ามากกว่าค่ะ ก็เคยเห็นมีร้านนวดที่อื่น ที่เขาตัดราคากันน่าเกลียด ลดภาพลักษณ์ของนวดไทยไปเลยก็มีค่ะ ก็อยากฝากไว้ว่า อย่าทำแบบนั้นเลยค่ะ เราเอาข้อดี หรือจุดเด่นอื่นๆมาแข่งขันกันดีกว่าลดภาพลักษณ์ดีๆ ของนวดแผนไทยไปนะคะ