ร้านอาหารไทยชื่อแปลก ย่าน Kings Cross ในสมัยก่อนนี้ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในทางลบ เพราะเป็นแหล่งอบายมุขมากมาย โดยเฉพาะยาเสพย์ติด แต่ทุกวันนี้ชื่อเสียงที่ไม่ดีเหล่านั้้นก็ได้เลือนหายไปตามกาลเวลาและการปราบปรามอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำให้ Kings Cross กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ รวมทั้งเป็นแหล่งที่คนส่วนใหญ่จะมารับประทานอาหารกันที่นี่
ถ้าคุณผู้อ่านมีโอกาสได้ไปที่ Kings Cross สิ่งที่ถือเป็น Iconic ของย่านนี้ก็คือน้ำพุรูปทรงแปลกตาที่อยู่ติดกับสถานีตำรวจ ถัดมาไม่ไกลจะพบกับร้านอาหารไทยหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของร้าน Stir Crazy นั่นก็คือ Opium Den ร้านอาหารไทยชื่อแปลกแต่แฝงความหมายในตัว เพราะด้วยลักษณะตัวร้านที่เป็นซอก เป็นมุมและแสงไฟสลัวๆ คล้ายถ้ำ อีกทั้งสถานที่ตั้งร้านที่อยู่บริเวณ Kings Cross นั่นเอง
เมื่อเข้ามาในร้าน ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ก็คือเหมือนเข้ามาในถ้ำจริงๆ เพราะเมื่อเราเดินเข้าไปด้านในก็จะมีแต่แสงจากโคมไฟเท่านั้นที่ส่องสว่างให้เห็นบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่หรูหรา จนกลายเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดลูกค้าวัยทำงานที่พักอาศัยอยู่แถวนั้นให้มาลิ้มลองซึ่งแทบทุกวันร้านจะแน่นในช่วงเย็น ทำให้ลูกค้าต้องยืนรอหน้าร้าน จนกลายเป็นภาพที่เห็นชินตา
ที่แน่ๆ อย่างหนึ่งก็คือเราไม่ใช่หนังสือเล่มแรกที่ลงเรื่องราวของร้านแห่งนี้ เพราะตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ร้านเปิดให้บริการมา มีคอลัมนิสต์จากหนังสือพิมพ์และนิตยสารชื่อดังของซิดนีย์เข้ามาขอสัมภาษณ์ เพื่อนำไปเสนอให้กับผู้อ่านมาแล้วมากมาย นอกจากนี้ เหล่าเซเลบชื่อคุ้นหูของออสเตรเลียหลายคนก็เคยมาลองชิมอาหารของร้านนี้เช่นกัน
คุณไก่ นราพร ยิ่งประเสริฐ และ คุณแป๊ะ ณกฤษสุขเกิด ผู้จัดการร้าน ที่อยู่กับสายงานด้านร้านอาหารมากว่า 10 ปี เล่าให้ฟังว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นถึงวัยทำงานที่ค่อนข้างมีฐานะและใส่ใจในเรื่องสุขภาพมาก ฉะนั้นเมนูของร้านส่วนใหญ่จะมีผักสลัดหรือผักลวกรวมอยู่ด้วยเสมอ รวมทั้งในเมนูจะมีมุมของพวกทานผักหรือ Vegetarian ไว้โดยเฉพาะ
อีกด้วยความโดดเด่นของร้านในด้านการตกแต่งร้านและชื่อร้านเป็นจุดสำคัญในการดึงดูดลูกค้า เมื่อเข้ามาแล้วสิ่งที่จะมัดใจลูกค้าไว้ได้ก็คือความหลากหลายและรสชาติของอาหารที่จะต้องไม่ทำให้ลูกค้ารอนาน รวมทั้งการบริการก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้คือบทพิสูจน์มาตรฐานของร้านนี้ได้เป็นอย่างดี
สำหรับเมนูที่น่าสนใจของร้านนี้ ขอเริ่มจากความเริ่ดที่ฉีกแนวร้านไทยทั่วไปก็คือการนำข้าวที่หุงด้วยวิธีการต่างๆ ที่มีให้เลือกถึง 7 ชนิด มาบรรจุอยู่ในเมนูและที่แปลกแตกต่าง ก็ต้องเป็นข้าวเหนียวดำที่คุณไก่บอกว่าฝรั่งสั่งมาทานกับอาหารคาวหน้าตาเฉย
อองเทรจานแรกเป็นสะเต๊ะกุ้ง (Prawn Satay) เมนูจานเด็ดสะดุดตาที่กุ้งจะต้องหมักด้วยเครื่องเทศสูตรเฉพาะของทางร้าน ก่อนนำไปย่างแล้วราดด้วยน้ำสะเต๊ะจานนี้จะได้กลิ่นหอมของขมิ้นและพริกไทย ที่ตัดกับความหอมของกุ้งที่นำไปย่างแบบไม่สุกจนเกินไป และความหวานมันของนำ้สะเต๊ะที่รวมกันแล้วถือว่าลงตัวเลยทีเดียว
จานต่อมาสปริงโรลกุ้ง (Prawn Spring Roll) อีกเมนูหนึ่งที่ทำจากกุ้ง ความน่าสนใจของจานนี้ก็คือทางร้านจะใช้กุ้งทั้งตัว ห่อด้วยไก่สับ แล้วห่อด้วยแผ่นแป้งอีกที จานนี้ถือเป็นเมนูขายดีของทางร้านที่แต่ละวันต้องห่อเตรียมไว้มากกว่าอย่างอื่นๆ
มาถึงอาหารจานหลักกันบ้าง เริ่มจานแรกด้วยปลาทอดกระเทียม (Garlic Fish) ที่ใช้ปลาบารามันดี เลาะก้างออก แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ก่อนนำไปคลุกกับแป้ง แล้วนำไปทอด จากนั้นราดด้วยซอสกระเทียม ก่อนนำมาวางบนผักลวกอย่างสโนว์พี บักฉ่อยและบร็อคโคลี่ แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือเมนูจานนี้ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าแถวนี้ ทั้งๆ ที่เราจะได้ยินมาเสมอว่าฝรั่งจะไม่ชอบกลิ่นของกระเทียมแต่ลูกค้าที่นี่กลับตรงกันข้าม ปลาทอดกระเทียมจานนี้จึงเต็มไปด้วยกระเทียมที่สุกเหลืองน่ารับประทาน
ไม่รอช้าจานต่อไปเป็นเสือร้องไห้ (Crying Tiger) หรือเนื้อย่างกินกับน้ำจิ้มแจ่ว ที่ร้านนี้มีดีตรงการนำเนื้อส่วนรัมสเต็กมาหมักให้หอมก่อนนำไปย่างไฟอ่อน ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่าจะเอาสุกแค่ไหน
จานต่อมาเพิ่มความเข้มข้นจัดจ้านของมื้อนี้ด้วยพล่ากุ้ง (Yum Goong) เมนูคนสั่งตรึม จานนี้พิเศษตรงที่ใช้กุ้งสดนำไปย่างทั้งหัว เพื่อต้องการความหอมของมันกุ้งแล้วราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดโฮมเมดสูตรเด็ดประจำร้านและแต่งจานด้วยผักกาดหอมมะเขือเทศและแตงกวา
ก่อนจาก ร้านอาหารไทยชื่อแปลก ขอตบท้ายด้วยโรตีกล้วย (Roti Banana) ของหวานทานแก้เผ็ดรสชาติ หวานหอมกลมกล่อมของกล้วยหอม ที่เอาไปอบกับคาราเมล แล้วห่อด้วยแผ่นโรตี แล้วเสิร์ฟพร้อมกับไอศครีมวนิลารสหวานนวลๆ อร่อยเป็นที่สุด
