ถ้าอยากชงกาแฟให้อร่อย เทคนิคการชงกาแฟ เราต้องพิธีพิถันต้องใส่ใจทุกขั้นตอน และต้องเข้าใจธรรมชาติของส่วนประกอบที่นำมาชงกาแฟอย่างลึกซึ้งนั่นเอง สำหรับกาแฟจะอร่อยได้นั้นครับ มันจะต้องขึ้นอยู่การชงที่ถูกต้องเหมาะสมจริงไหมครับ?
เริ่มจากกาแฟที่ใช้ศึกษาสายพันธุ์ของกาแฟก่อนที่จะสั่ง ศึกษาธรรมชาติของมันว่าเป็นสายพันธุ์อะไร แหล่งที่ปลูกอยู่ที่ใด ซึ่งตอนนี้มีกาแฟอยู่ 5-6 ตัวอย่าง เช่นเมล็ด กาแฟจากเอธิโอเปีย ที่หายาก การพยายามสืบเสาะกาแฟที่หายากมาลองใช้ดู พร้อมกับคิดสไตล์การทำกาแฟที่เป็นแบบเอกลักษณ์ อย่างเช่น การคั่ว จะคั่วเกือบไหม้ผลเสีย 80% ครับ ถ้าพลาดแค่ 1 วินาที ไหม้ทันที ลองคั่วไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าไม่ไหม้ทำยังไง

โดยปกติแล้วธรรมชาติของกาแฟถ้าปลูกในที่สูงมันยิ่งหนาวมันจะทำให้เมล็ดกาแฟมีความชื้นมาก เวลาคั่วเราก็สามารถคั่วด้วยไฟที่อ่อนๆ เป็นเวลานานได้ อีกอย่างกาแฟจะอร่อยหรือไม่นั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าการคั่วแบบ Light Roasted หรือ Dark Roasted อันไหนจะอร่อยกว่ากัน
แต่มันอยู่ที่ธรรมชาติของเมล็ดกาแฟนั้นต้องคั่วแบบไหนถึงจะเหมาะสม กาแฟบางแก้วจะมีรสเปรี้ยวบ้าง ขมบ้าง มีกลิ่นถ่านบ้าง เพราะว่าเมล็ดกาแฟพวกนี้ มีวิธีการคั่วที่ไม่ได้คุณภาพหรือมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้เก็บได้นาน จริงๆ แล้วเมล็ดกาแฟเมื่อคั่วแล้วจะเก็บได้ประมาณ 2 อาทิตย์ แต่บริษัทใหญ่ๆ จะคั่วแบบ Medium Roasted เพื่อที่จะเก็บได้นานถึง 3 เดือน

“สูตรและวิธีชงกาแฟให้อร่อย อยู่บ้านก็ดื่มด่ำรสกาแฟแบบบาริสต้าได้”
สำหรับเมล็ดกาแฟที่นำมายกตัวอย่างในวันนี้เป็นแบบ Single Origin มาจากยูนาน เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดของประเทศจีน และใช้การคั่วแบบ Medium Roasted การที่เราจะชงกาแฟไม่ให้ขมนั้น เราต้องศึกษาธรรมชาติของมัน เริ่มจาก เครื่องบดกาแฟ เป็นสิ่งสำคัญเราต้องบดสดๆ แล้วเอาไปชงเลยถึงจะอร่อย บดทิ้งไว้นาทีเดียวรสชาติก็เปลี่ยนแล้ว และใบมีดถ้าทำจากอลูมิเนียมก็จะไม่นำความร้อนและไม่ทำให้กาแฟไหม้ เวลาบดจะใช้การบดละเอียด

ซึ่งข้อดีของมันก็คือจะได้รสชาติที่ครบถ้วน เวลาอัดกาแฟอย่าอัดแรงเพราะผงกาแฟที่บดละเอียดนั้นจะทำให้น้ำผ่านยาก ต่อมาแก้วกาแฟจะต้องทำให้ร้อนก่อน เพื่อเวลาชงแล้วความเย็นของแก้วจะทำให้กาแฟเสียรส เราต้องรู้จักจังหวะของเครื่องชงกาแฟ รู้จังหวะความดันของน้ำที่มันพ่นออกมา น้ำร้อนปกติที่อยู่ในเครื่องจะมีอุณหภูมิ 90 องศา แต่ควรจะลดลงให้เหลือ 88 องศา เมื่อชงออกมาแล้วจะไม่ร้อนเกินไป

สีที่ออกมาจะเป็นสีไทเกอร์สกิน ออกเป็นครีมๆ พอกาแฟจะเริ่มหมด สีเริ่มเปลี่ยน เราจะต้องดึงแก้วออกไม่ควรนำส่วนที่เหลือนี้มาชงเพราะมันจะขม จากนั้นการตีนม จำไว้ว่านมต้องเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศา ยิ่งเย็นยิ่งดี ตอนตีนมถ้าเราใช้ความร้อนมากไปจะทำให้ความหวานของนมตามธรรมชาติหายไป อุณหภูมิของนมควรอยู่ระหว่าง 60-65 องศา พอตีแล้วด้านบนจะเป็นไขมันนมต้องเททิ้ง นมแต่ละยี่ห้อจะต่างกันความอร่อยไม่เหมือนกัน อย่างเดลี่ฟาร์มเมอร์เอามาชงกาแฟเหมาะที่สุด

สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้รสชาติของกาแฟออกมาดีมีรสชาติกลมกล่อมไม่ขมไม่เปรี้ยวแถมยังได้ความหวานแบบธรรมชาติของนมอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นกาแฟแบบร้อน หรือว่าจะเป็นแบบเย็นก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังเปิดร้านกาแฟเป็นของตนเองอยู่ หรือคนที่กำลังจะเริ่มเปิดร้านเป็นของตนเองก็ตาม
ดังนั้นเพื่อให้ร้านกาแฟของเรา มีลูกค้ามากหน้าหลายตาแวะเวียนกันเข้ามาอุดหนุนกาแฟร้านของเรา เทคนิคการชงกาแฟ เราก็จะต้องฝึกฝนฝีมือการชงกาแฟของเราให้อร่อย กลมกล่อม โดยเคล็ดลับต่าง ๆ ก็ไม่ยาก