เที่ยวเมลเบิร์น ตอน…เที่ยวรถไฟห้อยขาและพาเหรดนกเพนกวิน เราก็วางแผนกันทันทีว่าวันนี้เราจะไปไหนกันบ้าง เราก็เริ่มออกเดินทางกันทันที
แผนกำหนดการในวันนี้ก็คือจะไปนั่งรถจักรไอน้ำ Puffing Billy หรือที่เรียกกันว่ารถไฟห้อยขาในช่วงก่อนเที่ยงที่ Belgrave และไปดูขบวนพาเหรดนกเพนกวินที่ Philip Island Nature Park ในช่วงเย็น

ก่อนอื่นที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ในการไปเที่ยวทุกครั้งที่นอกเหนือ จากสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว เรื่องอาหารการกินก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ และช่วยให้การไปเที่ยวของผม
แต่ละครั้งดูมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น หลังจากขับรถออกมาได้สักพัก เราก็แวะจอดที่ปั้ม ที่มีคาเฟ่สไตล์ Country เพื่อรับประทานอาหารเช้า และเตรียมเสบียง ให้พร้อมกันที่นี่กันเลย เพราะดูจาก GPS แล้ว ต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง กว่าจะถึงจุดหมายแรกของเราในวันนี้ สำหรับอาหารเช้าของพวกเรานั้น แน่นอนจะมีอะไรเหมาะไปกว่า Beacon & Egg Roll กับกาแฟหอมๆ

เราใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง จากสนามบินจนมาถึงสถานีรถไฟที่เมือง Belgrave ซึ่งเป็นสถานีแรกที่เราจะใช้เดินทางไปยังอีก 5 สถานี ซึ่งไปสิ้นสุดที่ Gembrook
สำหรับ Puffing Billy เป็นหนึ่งในสี่เส้นทางรถไฟ ที่ยังหลงเหลืออยู่จากการใช้เป็นเส้นทาง ในการพัฒนาแหล่งชนบท ในช่วงต้นปี 1900 เมื่อเราเดินเข้าไปที่สถานี ก็จะรับรู้ได้ถึงความเก่าแก่ของสถานีที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
อาคารที่เป็นตัวสถานี และที่ขายตั๋วก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมแต่มีการปรับปรุง นาฬิกาบอกเวลา ตู้ไปรษณีย์ ตราชั่ง และม้านั่งล้วนเป็นของเก่าที่ถูกทาสีจนดูเหมือนใหม่ ส่วนภายในตัวอาคาร ก็มีร้านขายของที่ระลึกและขนม สำหรับใครที่ต้องการจะเอาไป รับประทานบนรถไฟ

สิ่งที่เราอยากแนะนำ สำหรับผู้ที่ต้องการจะขึ้น รถไฟชมธรรมชาติและ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ แล้วกลับมาให้ทัน กับการไป ชมพาเหรดนกเพนกวิน ในช่วงเย็นนั้น ก็คือ ซื้อตั๋วไปกลับจากสถานี Belgrave ถึงสถานี Lakeside (เกือบสุดทาง) ในราคา 41 เหรียญ ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางทั้งไป และกลับประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เราก็จะมีเวลาพอที่จะไปถึง Philip Island Nature Park ก่อน 6 โมงเย็น

หลังจากที่เราได้ชมทัศนียภาพ ของเมือง Belgrave กันแล้ว เราก็ออกเดินทางกันอีกครั้ง โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่เกาะ Philip Island เราใช้เวลาจาก Belgrave ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะถึงเกาะ Philip Island ซึ่งที่เกาะแห่งนี้ มีสนามแข่งรถที่มีชื่อเสียงมาก และใช้เป็นสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวัน ที่มีชื่อว่า Philip Island Grand Prix Circuit แต่ถ้ายังมีเวลาเหลือก่อนไปดูนกแพนกวิน

ก็แวะเที่ยวชม โรงงานช็อกโกแลต (Philip Island Chocolate Factory) ที่อยู่ไม่ไกลจาก สะพานที่ข้ามมายังเกาะมากนัก เมื่อมาถึง Philip Island Nature Park สิ่งแรก ที่นักท่องเที่ยวทุกคน จะได้เห็นก็คือป้ายบอกสภาพอากาศ ในแต่วันว่าตอนเราไป รอชมนกแพนกวิน สภาพอากาศจะเป็นอย่างไร และควรแต่งตัวอย่างไร

สำหรับวันนี้สภาพอากาศ ถือว่าแย่ที่สุด ในป้ายที่บอกไว้ คือฝนตกลมแรกและอากาศหนาว เมื่อเข้าไปข้างในตัวอาคาร ที่เป็นทางเข้าสู่จุดชมนกแพนกวิน จุดแรกจะเป็นบูธสำหรับเก็บค่าเข้า ซึ่งมีหลายราคาด้วยกัน
ตั้งแต่แบบธรรมดาราคา 22.10 เหรียญไปจนถึง แบบไกด์ทัวร์พิเศษ และได้เห็นนกแพนกวินแบบใกล้ชิด ในราคา 78.40 เหรียญ ซึ่งแน่นอนผมเลือกสิ่งที่ดีสุด สำหรับผมเสมอกับ บัตรราคาถูกสุดนั่นเอง สำหรับเวลาที่นกเพนกวิน จะขึ้นฝั่งเพื่อมาผสมพันธุ์ในวันนี้คือ

6 โมงเย็น ภายในอาคารมีส่วนพิพิธภัณฑ์ ที่อธิบายเกี่ยวกับ สถานที่แห่งนี้ รวมทั้งธรรมชาติของ นกเพนกวิน มีโรงภาพยนต์ขนาดเล็กที่พูดถึง วงจรชีวิตและ การผสมพันธุ์ ของนกเพนกวิน มีร้านขายอาหาร และของที่ระลึก แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ Philip Island Nature Park ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ และวีดีโอ เพราะเป็นการรบกวนนกเพนกวิน ซึ่งอาจทำให้ตาบอดได้ ก็เลยไม่ได้รูปนกเพนกวิน อย่างที่หวังไว้
แต่สิ่งที่ได้รับหลังจากที่ได้ เห็นพวกมันเดินขึ้นฝั่งมา มันมีคุณค่ามากกว่ารูปถ่าย นั่นก็คือเขามีการจัดการกับ สัตว์เป็นอย่างดี ไม่ไปเบียดเบียนสัตว์ ในทางกลับกันก็ สร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่ กลมกลืนกับธรรมชาติ ทำให้บริเวณนั้นกลายเป็น แหล่งท่องที่สำคัญของประเทศนี้ และสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น
เที่ยวเมลเบิร์น สำหรับในวันพรุ่งนี้ผมและเพื่อนๆ จะออกเดินทางไปถนนที่ได้ชื่อว่า สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เรื่องราวจะน่าสนใจเพียงใด ไว้คอยติดตามในเล่มหน้านะครับ