Košice (โคชิเซ) เป็นเมืองใหญ่อันดับสอง ของสโลวาเกีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ ห่างจากชายแดนโปแลนด์ไปทางใต้ประมาณ 150 กม. ใช้เวลาขับรถจากเมือง Zakopane (ซาโคปาเน) เมืองใหญ่เมืองสุดท้ายของ โปแลนด์ไปสบายๆ ประมาณ 3 ชม.
ที่ใช้เวลาขับรถนานซักนิด เพราะทางใต้ของโปแลนด์ และทางตะวันออกเฉียงเหนือของสโลวาเกียถูกคั่นด้วยเทือกเขา Tatra ที่มีความสูงกว่า 2600 เมตร (ใกล้เคียงกับ ดอยอินทนนท์ของบ้านเรา) การเดินทางในฤดูหนาว จึงต้องขับลดเลี้ยวผ่านซอกเขาหิมะจำนวนมาก แต่ก็มีวิวที่เพลินใจให้ชมไปตลอดทาง

สโลวาเกียเป็นประเทศในยุโรปที่ คนไทยเราอาจไม่ค่อยรู้จักนัก เราอาจคุ้นชื่อประเทศเดิมซะมากกว่าคือ เช็กโกสโลวาเกีย เมื่อประเทศ นี้แยกประเทศเมื่อปี 1993 เป็น ประเทศเช็กและ สโลวาเกีย เราจะยังคุ้นกับเช็กซะมากกว่า
หากถามว่าเมืองหลวง ของเช็กชื่ออะไร หลายคนคงยกมือตอบได้ว่า กรุงปราก แต่ถ้าถามว่าเมืองหลวงของ สโลวาเกียชื่ออะไร หลายคนคงยกมือควานหาโทรศัพท์ เพื่อกด google..เพื่อไม่ให้ลำบากพี่กุ๊ก จึงขอเฉลยเลยว่า ชื่อกรุง Bratislava (บราติสลาวา) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ อันดับหนึ่งของประเทศ

แผนที่สโลวาเกียนั้น มีลักษณะสั้นแต่กว้าง คล้ายๆ สี่เหลี่ยมผืนผ้า จากเมือง Košice (โคชิเซ) ถ้าขับรถเพลินๆ ลงทางใต้ไปราว 30 นาที ฟังเพลงยังไม่ทันจบแผ่น หรือฟังเทศน์ ยังไม่ทันจบกัณฑ์ ก็จะถึงชายแดนประเทศฮังการี แต่หากจะขับมุ่งหน้าทางตะวันตกไปทำธุระยังเมืองหลวง ซึ่งอยู่ติดชายแดนประเทศออสเตรีย จะต้องใช้เวลากว่า 4 ชม. ครึ่ง…แต่ไม่ว่าจะขับทิศไหนก็ตาม เรียกได้ว่าขับเพียง ครึ่งวันก็สามารถข้ามสโลวาเกียได้ทั้งสิ้น

ด้วยความที่เป็นประเทศเล็กๆ และชื่อชั้นด้านการท่องเที่ยว ไม่ได้อยู้ระดับท๊อปดังกล่าว ทำให้สโลวาเกียเป็นเมืองผ่านมากกว่า จุดหมายปลายทาง ของนักท่องเที่ยว ถ้าจะเปรียบเทียบตัวเลขนักท่องเที่ยว เมื่อปีกลายกับประเทศเพื่อนบ้าน ออสเตรีย มีนักท่องเที่ยวในปี 2018 ราว 30.8 ล้านคน โปแลนด์มี 18.3 ล้านคน ฮังการีมี 12.5 ล้านคน เช็กมี 10.6 ล้านคน และสโลวาเกีย มี 5.6 ล้านคน แต่สโลวาเกีย ก็มีความน่าสนใจ ในแบบฉบับของตน

เป็นประเทศเล็ก ท่ามกลางมหาอำนาจ ทำให้ สโลวาเกียมีประวัติศาสตร์ร่วม และเป็นส่วนหนึ่งของหลายอาณาจักร เวลาขับไปตามทางด่วน จะพบปราสาทเก่าสมัยศตวรรษที่ 13-14 ตามเชิงเขาเป็นระยะ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของบริเวณนี้ มีเมืองเก่าที่อนุรักษ์ตึกโบราณไว้ได้อย่างดี แต่ก็มีเงาสะท้อนอิทธิพลของ วัฒนธรรมคอมมิวนิสต์ เช่น อาคารทำการ หรือตึกพักอาศัย ทรงกล่องเหลี่ยมๆ ที่เน้น function มากกว่า design หรือเสาไฟ สีเหลืองริมถนน ที่ถูกสร้างนานจนมีคราบสนิมเกาะกรัง

ถ้าเปรียบการท่องเที่ยว กับประเทศใหญ่ๆ ในยุโรปเช่นฝรั่งเศสหรืออิตาลีเป็นหญิงงาม ก็อาจเป็นหญิงสาวพราวเสน่ห์ แต่งตัวด้วยเครื่องประดับและแฟชั่นแพรวพราย ทรวดทรงองเอวที่ดูบาดใจผู้พบเห็น…แต่สโลวาเกียจะเหมือนสาวน้อยต่างจังหวัด สุขุมละมุนจริงใจ ไม่โฉบเฉี่ยวแต่ก็เฉิดฉายอยู่ในตัว เวลาเดินผ่านอาจไม่ทำให้ชายต้องหันหลังตามเพราะความงาม แต่กลิ่นน้ำปรุงที่ลอยมาสัมผัสจมูกก็ทำให้ชายต้องชะม้ายตาตามไปชมในที่สุด.
ถึงเป็นประเทศเล็ก และจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา แต่ สโลวาเกียก็เป็นสมาชิกอียู ทำให้ได้เงินสนับสนุนมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทางจึงถือว่าอยู่ในขั้นดี ใช้เงินสกุลยูโร ซึ่งแม้จะทำให้ข้าวของดูราคาสูงซักนิด แต่ก็ไม่ต้องวุ่นวายหาแลกเงินท้องถิ่น ตามย่านท่องเที่ยว มีร้านรวงที่เก๋ไก๋ ผู้คนตามปั๊มน้ำมัน และร้านอาหารสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับโปแลนด์ที่เวลาสื่อสารกัน ต้องเมื่อยมือกันไปข้าง)

แหล่งท่องเที่ยว นอกจากย่านเมืองเก่า ในเมืองใหญ่ต่างๆ ก็ยังมีที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ น่าสนใจ สโลวาเกียจึงเหมาะกับ คนที่ต้องการมาพักผ่อนแบบสบายๆ ตื่นสายๆ มาทานกาแฟตามคาเฟ่น่ารักๆ ก่อนบ่ายอาจขับรถขึ้นไป เล่นสกีทางเหนือ แล้วขับกลับมาอ่านหนังสือที่โรงแรมตอนค่ำ… ที่สำคัญเนื่องจาก นักท่องเที่ยวไม่ได้มากจนแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว ทำให้พนักงานตามร้านรวง ต่างๆ ค่อนข้างสนใจบริการลูกค้าอย่างดี มีรอยยิ้มและพร้อม เอาใจใส่ลูกค้าอย่างทั่วถึง

ถ้าเปรียบการท่องเที่ยว กับประเทศใหญ่ๆ ในยุโรปเช่นฝรั่งเศส หรืออิตาลีเป็นหญิงงาม ก็อาจเป็นหญิงสาวพราวเสน่ห์ แต่งตัวด้วยเครื่องประดับ และแฟชั่นแพรวพราย ทรวดทรงองเอวที่ดูบาดใจผู้พบเห็น…แต่สโลวาเกียจะเหมือน สาวน้อยต่างจังหวัด สุขุมละมุนจริงใจ ไม่โฉบเฉี่ยวแต่ก็เฉิดฉายอยู่ในตัว เวลาเดินผ่านอาจไม่ทำให้ชายต้องหันหลังตาม เพราะความงาม แต่กลิ่นน้ำปรุงที่ลอยมาสัมผัสจมูก ก็ทำให้ชายต้องชะม้ายตาตามไปชมในที่สุด

สโลวาเกียจึงเป็นอีกปลายทางที่ น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบ พักผ่อนในลักษณะหย่อนใจ ไม่เร่งรีบแต่พร้อมหลงรัก ไม่ต้องการมนต์สะกดจากแสงสี แต่อยากสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติ และวัฒนธรรม สโลวาเกีย…สโลว์ไลฟ์แต่ไม่สโลว์เลิฟ
บทความของ (ท่องโลกไปกับ..หนึ่ง-นักการทูต)