เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าย่านนอร์ทซิดนีย์มีร้านอาหารไทยที่ตกแต่งสวยงาม บรรยากาศดีอยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ตามแหล่งช็อปปิ้งหรือไม่ก็ตั้งอยู่บนถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาอยู่หนาแน่น แต่ร้านที่ทางทีมงานวีอาร์ไทยจะพาไปสัมผัสในวันนี้ เป็นร้านที่มีบรรยากาศสบายๆ ร่มรื่นไม่พลุกพล่าน คอนเซ็ปของร้านต้องการให้ลูกค้าที่เข้ามาทานรู้สึกเหมือนกินข้าวอยู่ที่บ้าน limelight ร้านอาหารสไตล์ home sweet home
คุณกล้วยเจ้าของร้านอารมณ์ดี เล่าประวัติร้านให้ฟังว่าขับรถผ่านแถวนี้บ่อยก็เลยเห็นการเปลี่ยนแปลงของร้านนี้มาตลอด ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นบ้านเก่าอายุร้ายกว่าปีต่อมาเปลี่ยนเป็นร้านฝรั่ง ก่อนจะมาเป็นร้านจีน จนกลายมาเป็นร้าน Limelight ในปัจจุบัน
หลังจากได้สัญญาเช่าก็มีการเปลี่ยนแปลงร้านมากพอสมควร เหตุเพราะด้วยสภาพร้านที่เคยเป็นบ้านมาก่อน จึงมีห้องมากมายจนดูสลับซับซ้อน จึงต้องทุบบางส่วนออก ให้ดูโปร่งโล่งขึ้น เอาฝ้าบนเพดานออกเพื่อให้เห็นขื่อบ้านแบบโบราณแล้วก็นำโคมไฟมาประดับ จนทำให้ดูสวยงามร่วมสมัย
เมื่อเข้ามาภายในร้านสัมผัสแรกคือเหมือนได้มาเยื่ยมบ้านคนที่เรารู้จักอย่างที่เขาบอกจริงๆ เพราะให้ความรู้สึกสบายๆ ที่เคล้าคลอไปกับเสียงเพลงเบาๆ ฟังละมุนหู ถ้ามองออกไปด้านนอกก็จะเห้นต้นไม้ใหญ่มากมายขึ้นเรียงรายอยู่ริมถนนดูแล้วร่มรื่นสบายตา
โต๊ะที่ติดกับกระจกบานใหญ่หน้าร้านและแจกันดอกไม้ที่ถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถัน เราจึงเลือกมุมนี้เป็นที่รับประทานอาหารและพูดคุยเจ้าของร้านไปในตัว
ไม่รอช้าลองเปิดเมนูดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง กวาดสายตาดูจนมาสะดุดตรง อองเทรที่ดูน่าสนใจเป็นพิเศษ เริ่มจากของทานเล่นที่ร้านนี้จะใช้ชื่อแปลกอย่างจานแรก Ayers Rock หรือ หอยจ๊อ ที่ทางร้านทำเอง แล้วราดด้วยน้ำซอสที่ทำจากน้ำจิ้มบ๊วย น้ำจิ้มไก่และส้ม เอามาปั่นรวมกันแล้วกรองเอาแต่น้ำก็จะได้ซอสสีส้มรสชาติ จะออกหวานนิดๆ ตัดกับรสเปรี้ยวของส้ม พอทานคู่กับหอยจ๊อแล้วเข้ากันได้ดี แถมยังมีการเพิ่มเติมของแต่งจานอย่างผลไม้เพื่อให้ดูมีสีสันและน่าทานมากยิ่งขึ้น
จานต่อมาเป็น D Tunnel หรือ เป็ดปักกิ่ง ความไม่ธรรมดาของจานนี้อยู่ตรงที่ทางร้านจะใช้แป้งแพนเค้กห่อแทนแป้งห่อทั่วไป และจะใส่ Rose Mary ลงไปในแป้งด้วยเพื่อดับกลิ่นเป็ด พอทานคู่กับซอสสูตรเด็ดรสเข้มข้นของทางร้านแล้วไม่น่าเชื่อว่าแป้งแพนเค้กจะเข้ากับน้ำจิ้มเป็ดปักกิ่งได้ดีขนาดนี้ เมนูต่อมา Sitting Egg หรือ เมี่ยงคำ ที่ใช้กุ้งเผาตัวโตแทนกุ้งแห้ง จานนี้ทั้งขายดีและมีปัญหาไปในตัว เพราะใบพลูค่อนข้างจะหายาก และลูกค้าบางคนอาจไม่เข้าใจว่าทานยังไง บางคนทานเฉพาะกุ้งแล้วใช้ช้อนตักตรงกลางทานเท่านั้นโดยที่ไม่รู้ว่าทุกอย่างทานได้หมด
เมนูอีกจานที่ได้รับความนิยมก็คือ Spring Blossom หรือ ขนมเบื้องญวน ที่มีการดัดแปลงรูปร่างหน้าตาไปพอสมควรโดยเฉพาะกระทงที่ทำจากแป้งคล้ายกับทองม้วน ส่วนใส้ทำจากกุ้งบด ไก่บด ข้าวโพดที่เอาไปผัดกับมันกุ้งเพื่อความหอมและสีสวยน่ารับประทานหลังจากที่ได้ชิมอองเทรไปเมนครอสก็ตามมาแบบไม่ต้องให้เสียเวลา เมนูจานแรกเป็นปลาทอดกระเทียมจานนี้ทานง่ายถูกใจทุกคนในครอบครัว ก่อนนำไปทอดจะเอามาแร่ออกให้เป็นชิ้นๆ ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยเกลือและกระเทียมที่เจียวทั้งเปลือกเมื่อตักใส่ปากแล้วจะได้ความหอมของกระเทียมพริกไทย และความกรอบนอกนุ่มในของเนื้อปลาและแป้งบางๆ ที่เคลือบอยู่ภายนอก เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดของทางร้านที่ทำมาให้พิเศษ
สำหรับจานนี้ต้องถูกใจคนทานเนื้อแน่นอน Crying Tiger หรือ เสือร้องไห้เนื้อวากิว คัดพิเศษที่ไม่เหนียวและไม่เปื่อยจนเกินไป ก่อนย่างเพียงนำไปจุ่มกับซอสหมักแล้วย่างทันทีโดยที่ไม่ต้องหมักอะไรมากมาย ทานกับน้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ดเผ็ดนิดๆ หอมข้าวคั่ว และผักร็อคเก็ตที่ราดด้วยน้ำมันมะกรอกก็เริ่ดไม่แพ้กัน
และจานสุดท้ายเป็น Massaman Lamb หรือ มัสมั่นแกะ จานนี้ทำจาก Lamb Cuttlet ที่เอาไปต้มพร้อมกับเครื่องเทศจนหอมนุ่มเข้าเนื้อเสิร์ฟพร้อม Sweet Potato นึ่ง และมะเขือเทศย่าง คำแรกที่ได้ลองจะได้กลิ่นหอมของเครื่องแกงและเครื่องเทศที่รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาไม่ได้ใช้เครื่องแกงกระป๋องแน่นอน เพราะร้านนี้เครื่องแกงของเขาทุกอย่างทำเองทั้งหมด ทำสดๆ ทุกวัน ตรงจุดนี้เป็นอีกความใส่ใจที่ทำให้ Limelight มีลูกค้าประจำเข้ามาทานตลอดทั้งวันนั่นเอง
ก่อนกลับ ตบท้ายด้วยกาแฟหอมๆ และของหวานที่จะสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล รับรองไม่ผิดหวัง
Special Thanks: Krun Gluay
Limelight Cafe & Restaurant
62 Clark Road, North Sydney NSW 2060
Phone. 9955 2199
Opening Hours:
Tuesday to Sunday 8am – 10pm
email: info@62limelight.com.au
www.62limelight.com.au
