เราขอเปลี่ยนบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยพาไปร้าน Restaurant สวยหรู มาเป็นร้านสไตล์ Take Away กันบ้าง ความพิเศษของร้านนี้ที่เราอยากแนะนำก็คือ Vegie House อาหารเจ เขาขายอาหารเจ (ตามสั่ง) รสเด็ด
แถมอยู่ในเมืองด้วย ซึ่งเขาเปิดขายมากว่า 4 ปีแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนทำงาน นักเรียน และคนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ซึ่งต่างก็จะถูกใจในรสชาติ และความรวดเร็วที่ได้รับจนกลายมาเป็น ลูกค้าประจำกันจนแน่นร้านแทบทุกวัน
คุณต๋อ สรภัทรา ภิงคารวัฒน์ เจ้าของร้านและนักเรียน ดีกรี Commercial Cookery จาก TAFE บอกกับเราว่า “ปกติเป็นคนไม่ทานอาหารเจอยู่แล้ว โดยเฉพาะเนื้อวัวเนี่ย ชอบมาก แต่พอมาทำอาหารเจขาย ต้องอยู่ร้านทั้งวัน 5 วัน ก็เลยบังคับตัวเอง ให้ทานเจ จนกลายเป็นคนที่ ใส่ใจกับการรับประทานอาหาร และห่วงใยสุขภาพมากขึ้นถึงแม้ว่าตนเอง และคนในร้านจะไม่ได้ทานเจทุกวัน แต่ก็มีกฏเหล็กที่ว่า จะไม่มีการเอาของที่ไม่ใช่อาหารเจ มาทำรับประทานเองในร้าน ยกเว้นแค่ไข่ไก่เท่านั้น ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจรรยาบรรณ และความซื่อสัตย์ที่มีต่อลูกค้านั่นเอง”
เนื่องจากร้านนี้ขายอาหารเจ เจ้าของร้านจึงให้ความสำคัญ กับการเลือกซื้อวัตถุดิบมากเป็นพิเศษ ผักจะต้องสด เนื้อสัตว์เจที่สั่งก็จะเลือกที่ทำ จากถั่วเหลืองคุณภาพดีไม่เหม็นหืน โดยสั่งตรงมาจากประเทศต้นตำหรับอย่าง สิงคโปร์ ที่สำคัญก็คือเครื่องแกง และน้ำซอสหลายๆ อย่าง ก็ต้องทำเอง ผสมเอง เพราะต้องเป็นของเจทั้งหมด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อาหาร ที่ออกมาแต่ละจานมีรสชาติเฉพาะ และแตกต่างจากร้านเจอื่นๆ
สำหรับเมนูแนะนำในวันนี้ เป็นเมนูขายดีอันดับต้นๆ ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ เริ่มจากของทานเล่นเรียกน้ำย่อยจานแรก น่องไก่ทอดเจ (Vegetarian Drum Stick) ที่ทำจากฟองเต้าหู้ นำมาพันกับไม้แล้วนำไปทอด พอสุกแล้วหน้าตาและกลิ่นจะคล้ายกับน่องไก่ ของจริงมาก พอนำมาทานคู่กับน้ำจิ้มไก่เจ สูตรเฉพาะของทางร้านยิ่งทำให้ เหมือนได้กินไก่ของจริงเข้าไปอีก
โดยทั่วไปแล้ว น้ำจิ้มไก่จะไม่สามารถ นำมาทานกับอาหารเจได้ เพราะมีส่วนผสมที่เป็นกระเทียมอยู่ในนั้น ทางร้านก็เลยต้องทำน้ำจิ้มสูตรเจขึ้นมาเอง จานต่อมาเป็นลาบไก่เจ (Soy Chicken Larb) ที่ใช้ไก่เจ (Soy Chicken) เอาไปสับ ชุบแป้งแล้วเอาไปทอด จากนั้นก็นำไปผสมกับ เครื่องปรุงลาบ และผักอื่นๆ แทนหัวหอม จึงทำให้หน้าตาดูคล้ายกับ สลัดผักที่รสชาติลงตัว ซึ่งก็เป็นเมนู ลดความอ้วนที่อยากแนะนำให้มาลองทานกัน
บังคับตัวเองให้ทานเจ จนกลายเป็นคนที่ใส่ใจกับการรับประทานอาหารและห่วงใยสุขภาพมากขึ้นถึงแม้ว่าตนเองและคนในร้านจะไม่ได้ทานเจทุกวัน แต่ก็มีกฏเหล็กที่ว่า จะไม่มีการเอาของที่ไม่ใช่อาหารเจมาทำรับประทานเองในร้าน ยกเว้นแค่ไข่ไก่เท่านั้น.
ข้าวผัดน้ำพริกเผาเจ (Spicy Fried Rice) ก็เป็นอีกจานที่ขึ้นชื่อของร้านนี้ โดยเฉพาะตอนกลางวันจะขายดีมาก เมนูนี้ใช้น้ำพริกเผาเจสูตรพิเศษที่ทำเองอีกเช่นเคย นำไปผัดกับไก่เจ (Soy Chicken) ซึ่งสามารถสั่งได้ว่าจะเอาเผ็ดแค่ไหนหรือจะใส่อะไรเพิ่ม เพราะทางร้านเขายินดีทำตามคำขอแบบไม่มีหวงเครื่องแน่นอน
ผัดต้มยำ (Pad tom Yum) จานนี้ใช้ซอสต้มยำและน้ำพริกเผารสจัดจ้านไม่เหมือนใคร นำมาราดบนปลาเจห่อสาหร่ายที่ทอดแบบเหลืองกรอบกำลังดี ให้กลิ่นหอมเหมือนปลา พอมาทานรวมกันแล้วก็จะได้รสเปรี้ยวอมหวานของน้ำซอส และรสเผ็ดนิดๆของพริกขี้หนูที่ทำให้รู้สึกว่าการทานอาหารเจไมได้เป็นเรื่องยากอย่างที่หลายๆ คนคิดกัน
เมนูจานสุดท้ายเป็น ลักซาไก่เจ (Laksa) ร้อนๆ ที่เหมาะกับสภาพอากาศเย็นๆ อย่างนี้เป็นที่สุด คำแรกที่ได้ชิมจะรู้สึกได้ถึงความหอมมันของกะทิ และเครื่องปรุงรสที่เข้มข้น แต่ไม่เลี่ยน ซึ่งปกติลักซาของร้านนี้เขาจะใช้เส้นผัดไทย แต่ถ้าอยากได้เส้นอื่น ทางร้านก็มีให้เลือกตามใจชอบ
และที่น่าสนใจในเมนูอีกอย่างก็คือ ในส่วนของเซกชั่นเครื่องดื่ม ที่มีน้ำผลไม้ปั่นแยกกากราคาเบาๆ แต่อร่อยเวอร์อย่าง Tropical Sense และ Herbal Mind หรือจะเป็นนมถั่วเหลือง ที่เราคุ้นเคยอย่างไวตามิลค์ (Vita Milk) ร้านนี้เขาก็มีขายเช่นกัน
Vegie House อาหารเจ ความท้าทายที่สำคัญของร้าน Take Away ในเมืองก็คือต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะลูกค้าแถวนี้มีเวลาที่จำกัด รีบกินรีบไป ฉะนั้นพนักงานในร้าน จะต้องเตรียมตัวให้ดี ของจะต้องพร้อม เพื่อที่จะทำให้อาหารออกเร็วแต่ยังคงรสชาติที่ดีเอาไว้ พร้อมการบริการที่พร้อมจะ “จัดให้” ลูกค้าตามคอนเซ็ปของคุณต๋อและคุณเปิ้ล ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้ Vegie House จึงไม่ใช่เพียงแค่ร้าน Take Away ทั่วไป
